ก็งงๆ เหมือนกันว่าหลังๆแทบไม่ค่อยได้เขียน Blog แนะนำโปรแกรมแล้ว กลายเป็นว่าตอนนี้ปล่อย Blog ที่เป็นเรื่องราวของจักรยานมากไปหน่อยแล้วนะเนี่ย แต่ถ้าจะให้หยุดเขียนเรื่องนี้ก็คงไม่ได้ เพราะผมกำลังอินอยู่แบบเต็มข้อเลยทีเดียวครับ Blog ตอนนี้จะเล่าถึงการไป Fitting แบบ Dynamic ซึ่งเป็นขั้นตอนการ Fitting ตัวเรากับจักรยานแบบละเอียดมาก ซึ่งเหมาะมากสำหรับคนที่ชอบปั่นจักรยานแบบจริงจังครับ
การขี่จักรยานแบบจริงจัง เช่นการฝึกซ้อมทุกวันไม่ว่าจะเพื่อลงแข่งหรือเพื่อออกกำลังกาย การ Fitting เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะว่ามันคือ การปรับแต่งมุมและองศาของจักรยานให้เหมาะสมกับร่างกายของเรา นอกจากเพื่อรีดประสิทธิภาพของร่างกายในการปั่นจักรยานได้เต็มที่แล้ว ยังถนอมร่างกายไม่ให้ใช้กล้ามเนื้อผิดชุดในการใช้งานอีกด้วย เช่น หลัง ไหล่ หัวเข่า ซึ่งเป็นจุดที่หลายๆคนปวดมากเวลาปั่นจักรยานไปนานๆ
ผมเองก็กลับมาปั่นจักรยานอย่างจริงจังได้ 7 เดือน และเริ่มปั่นเสือหมอบมาได้ 3 เดือนครับ ระยะทางที่ปั่นได้ตอนนี้ก็ประมาณ 2,000 กว่ากิโลเมตรแล้ว ปัญหาที่ผมเจอมาตลอดตอนปั่นจักรยานนานๆ ก็คือ มือชา เท้าขวาชา ปวดสะบักไหล่ และคอ โดยที่ตอนแรกก็คิอว่า ร่างกายเราคงยังไม่ได้ปรับตัวเข้าหาจักรยาน ปั่นไปซักพักน่าจะดีขึ้นล่ะมั้ง
ซึ่งหลังจากปั่นมา 2,000 กว่ากิโล อาการเหล่านี้มันก็ไม่หายไปซะที ถึงแม้มันปวดไม่มาก แต่มันก็แอบรำคาญเวลาที่มันปวดเหมือนกันครับ ผมก็เลยคิดว่า น่าจะเอาจักรยานไป Fitting แบบจริงจังได้แล้ว โดยที่ตอนแรกจะไป Fitting แบบ Static (แบบที่คำนวนความยาวส่วนต่างๆของร่างกายแล้วมาประเมินกันด้วยสายตาว่า มันน่าจะมีการปรับแต่งจุดต่างๆเท่าไหร่)
แต่พี่อั้มแห่ง Dramatical Rider แกบอกว่า ให้ไปหาพี่อิ๊ดร้าน Sporttech แล้วทำ Fitting แบบ Dynamic เลย (การ Fitting แบบชุดใหญ่จัดเต็ม ซึ่งมันละเอียดขนาดไหน เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังครับ)
ผมลองค้นข้อมูลของพี่อิ๊ดร้าน Sporttech ใน Google ก็พบว่า มีข้อมูลว่ามีนักกีฬาทีมชาติ และดาราหลายคนไปใช้บริการ ผมก็เลยโทรติดต่อไปนัดเวลาครับ พี่อิ๊ดบอกว่า แกจะรับ Fitting แค่วันละ 2 คนเท่านั้น และวันเสาร์-อาทิตย์เนี่ย คิวแน่นไปหลายเดือนเลยทีเดียว ค่า Fitting แบบ Dynamic อยู่ที่ 5,000 บาทครับ ซึ่งหลังจากทำเสร็จผมยอมรับเลยว่ามันเป็นการลงทุนที่โคตรคุ้มค่าซะยิ่งกว่าไปถอยล้อแพงๆ มาซะอีก
ร้าน Sporttech อยู่ในซอยเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ที่ 87 หมู่บ้าน Connect เข้าหมู่บ้านมาแล้วเลี้ยวขวาไปที่ซอย 5 จะพบร้าน Sporttech สีเขียวๆ อยู่ทางขวามือครับ ใครไปไม่ถูกก็เข้า foursquare แล้วค้นหา sporttech ได้เลยครับ หรือจะคลิกตาม Link นี้ก็ได้ https://th.foursquare.com/v/sporttech-chatchawan/51b1e13a498ec20d303a0ee1
การจะไป Fitting แบบ Dynamic สิ่งที่จะต้องเอาไปด้วย
- จักรยาน (อ๊ะ ไม่เอาไปแล้วจะ Fitting ไปเพื่อ)
- รองเท้าคลีท จะคลีทภูเขาหรือหมอบก็ได้
- ชุดปั่นตัวเก่งของคุณแบบขาสั้น
- เวลาประมาณ 3 ชม.
ห้อง Bike Fitting จะอยู่ที่ชั้น 2 ของร้าน ขั้นตอนแรกก็จะเอาจักรยานของคุณประกอบเข้ากับเทรนเนอร์ของทางร้านก่อน เพราะเดี๋ยวเราได้ปั่นกันลิ้นห้อยแน่
ผมเหลียวมองไปที่ข้างฝา โอ้โห ประกาศนียบัตรเต็มกำแพงเลย นอกจากพี่อิ๊ดแล้วเจ้าหน้าที่ในร้านก็ยังมีอีกหลายคนที่ได้ Certificate นี้มาครับ อุปกรณ์ที่ใช้ในการ Fitting เป็นของยี่ห้อ Retul ซึ่งทาง Retul นอกจากทำอุปกรณ์เหล่านี้แล้ว ยังได้เปิด Retul University เพื่อสอนการ Fitting แบบขั้นเทพให้กับคนที่สนใจอยากจะศึกษาด้านนี้โดยตรงอีกด้วยครับ
ขั้นตอนถัดมา เจ้าหน้าที่ก็จะให้กรอกข้อมูลพื้นฐานครับ เช่น ชื่อ วันเกิด อายุ รถที่เอามาปั่นยี่ห้ออะไร อะไหล่แต่ละจุดเช่นเบาะ แฮนด์ สเต็ม คลีท เป็นรุ่นไหน
แล้วก็จะถามเป้าหมายของการ Fitting ครั้งนี้ว่า คุณอยากจะ Fit ไปเพื่ออะไรครับ สำหรับผม ก็ตือการ Fit เพื่อแก้ไขปัญหาความเจ็บปวดในจุดต่างๆ และหาท่านั่งปั่นที่เหมาะสมนั่นเอง หลังจากนั้นพี่เจ้าหน้าที่ก็จะเอาค่าที่ได้มา ไปกรอกเป็นค่าเริ่มต้นในโปรแกรม Retul ครับ
เสร็จแล้วก็จะเป็นขั้นตอนการตรวจร่างกายครับ ดูว่าความคล่องตัวของกล้ามเนื้อและกระดูกเป็นยังไง ไล่ตั้งกะขายันไหล่เลย ดูว่าฝ่าเท้าเป็นยังไง ป้านออก หรือหักเข้า ขั้นตอนนี้ละเอียดมากเลยครับ มีการตรวจหาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อด้วยการให้ทำท่า Planking ด้วย ผมโดนท่านี้เข้าไป สั่นไปทั้งตัวเลยทีเดียว
หลังจากตรวจร่างกายเพิ่ม ก็จะมีการนำเอาข้อมูลเหล่านั้นไปกรอกเพิ่มเติมในโปรแกรมของ Retul เข้าไปอีกขั้นตอนการตรวจ การกรอกนี่ก็เกือบๆ ชม. เห็นจะได้ครับ
ขั้นตอนถัดมา พี่อิ๊ดก็จะใช้เครื่องที่ชื่อว่า Vantage 3D Motion Capture มาทำการตรวจสอบองศาต่างๆของรถผมครับ ซึ่งจะจะใช้อะไรที่คล้ายๆกับปากกาเลเซอร์ ชี้ไปตามจุดต่างๆของรถเพื่อวัดระยะของแต่ละส่วน
ขั้นตอนนี้เหมือนจะเรียกว่า Zin ซึ่งพอเราเอาเจ้าปากกานี่ไล่ไปตามจุดต่างๆ ก็จะได้องศาของรถในมุมต่างๆแบบโคตรเป๊ะครับ
พี่ๆ เจ้าหน้าที่เอาขนมมาให้ทานครับ บอกว่า เดี๋ยวต้องปั่นเยอะ โซ้ยเข้าไปเลยครับ
หลังจากที่วัดองศารถเสร็จแล้ว ก็ต้องมาติดอุปกรณ์ที่เรียกว่า dot ตามข้อต่อต่างๆของร่างกายผม ก็มีข้อมือ ศอก ไหล่ เอว หัวเข่า ข้อเท้า แล้วก็ปลายเท้าครับ
ระหว่างนั้น ผมก็ต้องขั้นไปปั่นๆๆๆ พี่อิ๊ด ก็จะเห็นตัวเลขทั้งหมดว่า ท่าทางการปั่นของผมเป็นยังไง ตอนแรกที่เห็นคือ ตัวแดงเถือกเยอะมากเลยครับ เพราะร่างกายผมปั่นด้วยท่าทางที่ผิดมานานมากๆ
ซึ่งขั้นตอนนี้ขอบอกเลยครับว่า พี่อิ๊ดเอาใจใส่มาก คือ ถามทุกเม็ด และอธิบายทุกจุด ว่าแต่ละปัญหาของร่างกายผมคืออะไร ระหว่างที่ปรับแต่ง ก็อธิบายตลอดว่า การลดหรือเพิ่มจุดต่างๆ นี่มันเพราะอะไร แล้วจะทำให้เกิดผลอะไรบ้าง
ระหว่างที่ปรับท่านั่ง พี่อิ๊ดจะใช้ตัว Dynamic Fit Stem ในการปรับทั้งองศาและระยะของ Stem ช่วยให้การทำ Fitting ครั้งนี้สะดวกแล้วก็เร็วขึ้นมากเลยครับ ไม่ต้องมานั่งถอดๆ ใส่ๆ Stem
ระหว่างการปรับแต่งแต่ละครั้งก็จะมีบันทึกเอาไว้หมดเลยว่า มีการปรับแต่งอะไรบ้าง เพื่อที่จะย้อนดูได้
ขั้นตอนการปรับแต่งใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ด้วยกัน สิ่งที่สำคัญมากคือ คุณจะต้องจำความรู้สึกและแยกแยะความแตกต่างของแต่ละองศาเพื่อที่จะบอกพี่อิ๊ดให้ได้ว่า การปรับแต่งครั้งนี้ถูกใจมากแค่ไหนครับ ระหว่างนั้น ผมก็ต้องปั่นไปเรื่อยๆ บวกกับขึ้นๆลงๆ จักรยานเพื่อปรับเปลี่ยนมุมในส่วนต่างๆเป็นว่าเล่นเลยทีเดียว
และหลังจากที่การ Fitting ทั้งหมดผ่านไปปัญหาของผมก็มีดังต่อไปนี้ครับ
ปัญหาปวดไหล่ ปวดคอ และ มือชา สาเหตุก็เพราะว่าปรับเบาะเตี้ยและชิดแฮนดฺเกินไป และ แฮนด์ก็ยกมากเกินไป พี่อิ๊ดอธิบายว่า หัวของคนเราคือส่วนที่หนักที่สุดในร่างกายท่อนบน ซึ่งเวลาเราปั่นจักรยาน ฐานที่เราใช้วางหัว ก็คือ มือ ไหล่ และเอว รวมร่างกันเป็นสามเหลี่ยม พอจะนึกภาพออกไหมครับ สามเหลี่ยมนี้ควรจะมีฐานที่เหมาะสมเพื่อรับน้ำหนักของหัวเรา
แต่ไอ้สามเหลี่ยมของผมมันมีฐานที่แคบมากๆ ทำให้หัวไหล่และมือรับน้ำหนักมากเกินไป ทางแก้ไขก็คือ ต้องขยายฐานเจ้าสามเหลี่ยมนี่ให้กว้างขึ้น เพื่อจะได้มีการกระจายน้ำหนักได้ดีขึ้นครับ และต้องเปลี่ยนนิสัยการวางน้ำหนักร่างกายจากที่วางกดลงไปบนมือเต็มๆ ให้ใช้ร่างกายท่อนบนช่วยรับน้ำหนักแทนครับ
ปัญหาต่อมาก็คือ ผมปั่นด้วยกล้ามเนื้อน่อง ซึ่งไม่ถูกต้อง พี่อิ๊ดบอกว่า ด้วยท่านั่งแบบนี้ อีกหน่อยเข่าจะพัง ตอนนี้เราปั่นทางเรียบอาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้าต้องไปขึ้นเขา รับรองเจ็บแน่นอน ก็ได้มีการแก้ไข ตำแหน่งแผ่นคลีทใต้รองเท้า แล้วก็ตำแหน่งเบาะให้เหมาะสมกับหัวเข่าและขา ในการปั่นเพื่อที่จะได้เปลี่ยนมาเป็นกล้ามเนื้อต้นขาในการปั่นแทน
อีกปัญหาที่ผมไม่ยักกะรู้คือ ขาซ้ายของผมนั้นยาวกว่าขาขวาถึง 18 มม. เลยทีเดียว ผลก็คือ เวลาที่ผมปั่น ผมจะออกแรงที่ขาขวามากกว่าขาซ้าย ซึ่งตรงนี้ผมไม่เคยนึกมาก่อนเลยครับ คิดว่าเป็นเรื่องของคนถนัดขวา ที่ออกแรงเท้าขวามากกว่ามาโดยตลอด พอผมแก้ไขอาการนี้ปั๊บ โอ้โห ไม่อยากกะเชื่อ ความรู้สึกในการควงขาปั่นมันเปลี่ยนไปเลย เหมือนพลังจากขามันส่งไปตรงๆ ถึงบันไดถีบได้เต็มๆเลยล่ะครับ
หลังจากที่เสร็จสิ้น พี่อิ๊ด ก็จะอธิบายความเปลี่ยนแปลงในแต่ละจุดที่ได้รับการแก้ไขไป พร้อมกับส่งไฟล์ Fitting Report ค่าองศาต่างๆของรถเรา เก็บเอาไว้ละเอียดเป๊ะทุกจุดเลยครับ เรียกได้ว่า ต่อให้แกะอะไหล่ออกมาทำความสะอาดรอบคัน ก็สามารถใช้ Setting เดิม แบบไม่ต้องห่วงเลยทีเดียว
สรุปความเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับรถ Bianchi Impulso 2014 ของผมนะครับ
- ถอดแหวนออก 1 วงเพื่อกดแฮนด์ลง
- เปลี่ยน Stem เป็นขนาดยาว 120 มม. มุม -6 องศา ของ Syntace (ซื้อที่ร้านพี่อิ๊ดเลยง่ายดี)
- ปรับเบาะยกขึ้นและถอยหลังให้มากขึ้น
- เสริมแผ่น Cleat ที่เท้าซ้ายและขวาเพื่อให้ฝ่าเท้าขนานกับพื้นตอนปั่น
ความรู้สึกตอนปั่นที่เกิดขึ้นหลังจากทำ Fitting เสร็จแล้ว
- อาการปวดไหล่ เมื่อยคอ ลดน้อยลง น้ำหนักที่กดลงที่ฝ่ามือหายไป
- การส่งกำลังตอนปั่นดีขึ้นอย่างมากๆ คือ ไม่เคยปั่นแล้วรู้สึกมีพลังขนาดนี้มาก่อน
- ติดพุง (อันนี้พี่อิ๊ดบอก Fitting ก็ช่วยไม่ได้ ฮ่าๆ)
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดจากการ Fitting ครั้งนี้คือ 7,700 บาท แบ่งเป็น
- ค่า Fitting : 5,000 บาท
- ค่า Stem ของ Syntace : 2,100 บาท
- ค่าแผ่นรอง Weight Cleat : 600 บาท
แต่เป็นการลงทุนกับจักรยานที่ผมว่าคุ้มและเห็นผลที่สุด ยิ่งกว่าซื้อล้อ Zipp หรือถอยชุดขับ Ultegra มาซะอีกครับ
ถ้าใครสนใจไปลองทำ Dynamic Fitting กับพี่อิ๊ด โทรติดต่อพี่แกได้ที่เบอร์ 086-689-6110 หรือ LINE ID : sporttech เพิ่อจองคิวได้เลยครับ ตอนนี้คิวแน่นโคตรๆเลยนะครับ บอกไว้ก่อน
38 comments