ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยเรื่องมากกับของใช้รอบตัวเท่าไหร่นะ คือมีอะไรก็ใช้อย่างงั้น อย่างกระเป๋าตังค์ก็เป็นใบที่ @joyz เค้าซื้อให้ แล้วก็ใช้มาเรื่อยๆ เก่าๆ ขาดๆ ก็ใช้ไปไม่คิดอะไรมาก แต่ถ้าใครเล่น Facebook จะเห็น Ads โฆษณากระเป๋าตังค์ตัวนึงลอยมาบ่อยมากๆ โลโก้มันเป็นรูปนกฮูกครับ มันคือกระเป๋าตังค์ยี่ห้อ Bellroy ครับ
จริงๆ แล้วผมโดนไอ้เจ้า Ads ตัวนี้มันหลอกหลอนมาประมาณครึ่งปีแล้วครับ เพราะเผลอไปกด Banner มันทีนึง หลังจากนั้นด้วยระบบ Retargeting ของตัววงการ Digital Margeting มันทำให้ Ads ของเจ้า Bellroy ตามติดผมเป็นวิญญาณอาฆาต และโฆษณาสรรพคุณของมันในทุกเว็บที่ผมเข้าไปเยี่ยมเยือน
สุดท้ายก็ยอมแพ้มัน เอาวะ ไหนขอดูหน่อยซิว่า แกมีอะไรดี ก็เลยกดเข้าไปดูรายละเอียดของกระเป๋าตังค์ยี่ห้อนี้ ที่ http://www.bellroy.com
ซึ่ง Concept ของกระเป๋าตังค์ Bellroy ก็คือ Slim your Wallet ครับ คือ ด้วยเทคโนโลยีในการออกแบบและตัดเย็บ มันจะทำให้กระเป๋าตังค์คุณบางลงครับ
Bellroy มีอยู่หลายรุ่น โดยแบ่งออกเป็น 3 รุ่นหลักคือ Fold Bill , Flat Bill และ Travel ครับ
Fold Bill ก็จะเล็กมาก บางหน่อย แต่เวลาเก็บแบงค์ก็ต้องพับเอา , Flat Bills ก็จะเก็บแบงค์แบบปกติได้ ส่วนรุ่น Travel จะใส่ Passport ได้ครับ
หลังจากที่กดดู Feature ความสามารถไปหลายรุ่น ก็เลยลองสั่งมาตัวนึง โดยที่เลือกไว้ 2 รุ่นคือ Note Sleeve กับ Hide & Seek ครับ ที่ชอบ Note Sleeve คือ บางแต่ใส่ของได้เยอะ ส่วน Hide & Seek จะมีช่องไว้ซ่อนของได้ครับ
สุดท้ายกดซื้อ Hide & Seek สี Java ไปในราคา 89.95$ ก็โดนไปประมาณ สองพันปลายๆครับ
ใช้เวลาประมาณ 4-5 วัน ของก็มาถึงโดย Fedex พร้อมทั้งบอกว่า ชำระค่าภาษีอีก 1,300 ด้วยค่ะ อ่อก น้ำตาไหลเลย T_T ยังไม่ทันใช้ก็เอวลอยแล้ว เนื่องจากเงินจ่ายค่าตัวมันช่างเยอะเหลือเกิน
Packaging มาเป็นซองกระดาษแข็งที่ปิดตรา Bellroy ไว้เป็น Seal ครับ
เมื่อแกะตัว Seal ออกมาก็จะเจอตัวบรรยายสรรพคุณเต็มเหนี่ยวว่า ประกันตลอดอายุการใช้งาน , Vagetable Tanned นี่ตอนแรกก็งงๆ ว่ามันคืออะไรฟระ เอาผักมาตากแดดหรือไง แต่จริงๆแล้วมันคือ การทำให้หนังมีสีเข้มขึ้นด้วยการใช้ยางไม้ครับ แล้วก็วัสดุปราศจากสารพิษทุกส่วนสามารถใช้อย่างวางใจได้เลย
สัมผัสแรกที่รู้สึกเลยคือกลิ่นหนังแท้ครับ แหม่ มันเป็นกลิ่นที่หรูหราจริงๆ เรื่องการตัดเย็บของ Bellroy ก็เรียกว่าเนียนเป๊ะ ไม่มีด้ายขาดๆเกินๆ ออกมาให้เสียอารมณ์ ลองไปอ่านรายละเอียดดูในเว็บ เค้าบอกว่ากระเป๋าตังค์ของ Bellroy ทำแบบ Handmade ในอินเดียโดยช่างที่ชำนาญเครื่องหนังอย่างดี
Hide & Seek จะมีช่องเก็บบัตรใช้บ่อยอยู่ 4 ใบครับ มีคุ่มือแทรกมาในช่องการ์ดด้วย
คู่มือตัวนี้ก็เป็นตัวบอกว่า ควรจะเก็บอะไรใรช่องไหนเพื่อการใช้งานง่าย การ์ดใบไหนใช้บ่อยก็ช่องนี้ ถ้าไม่บ่อยก็ยัดเข้าช่องนี้ เข้าใจตรงกันนะ
และอย่างที่บอก ความเจ๋งของ Hide & Seek คือมีช่องไว้ซ่อนแบงค์แล้วก็การ์ดได้อีก 3 ใบครับ โดยที่เค้าจะใช้ตัวขอบกระเป๋าตังค์เป็นตัวซ่อนช่องเก็บของ (แต่เอาเข้าจริง มันก็ไม่เห็นจะซ่อนซักเท่าไหร่เล้ย
ช่องสำหรับซ่อนของใส่แบงค์กับการ์ดได้อีกประมาณ 3-4 ใบแล้วก็สามารถเอานามบัตรใส่ช่องนี้ได้ด้วยเพราะมันจะมีตัวกันไม่ให้นามบัตรเสียหายครับ
เอาล่ะครับได้เวลาย้ายบ้าย อันขวาคือกระเป๋าตังค์เก่าที่ใช้มา 2 ปีกว่าแล้ว หนากว่ากันเกือบ 3-4 เท่าได้ครับ
ของที่มีก็ เงิน บัตร ATM 3 ใบ , บัตรเครดิต 2 ใบ , Star Bucks Card อีก 1 ใบ. บัตร BTS , บัตรเข้าคอนโด , นามบัตร , ตัวแงะ SIM ของ iPhone แล้วก็เอกสารจุกจิดนิดหน่อยครับ
Bellroy Hide & Seek ก็สามารถรองรับบัตรผมได้ครบทุกใบนะ แต่ยัดเหรียญไม่ได้แล้ว
และเมื่อย้ายของมาครบ เจ้า Bellroy ก็หนาเท่ากับกระเป๋าตังค์เก่าของผมตอนไม่มีของอะไรยัดอยู่เลยครับ จริงๆ ตอนนี้ใช้มาประมาณ 2-3 อาทิตย์แล้ว พอยัดกระเป๋ากางเกงไปมันจะก็แบนมากกว่าเดิมอีกครับ
สรุปความรู้สึกหลังใช้งาน Bellroy Hide & Seek
- สัมผัสของหนังดีมากๆ กลิ่นก็ดี เวลาใช้รู้สึกเหมือนเราเป็นผู้ชายที่เรียบร้อยขึ้นอ่ะครับ เพราะกระเป๋าตังค์มันสุภาพเรียบร้อยซะขนาดนี้
- ใส่กระเป๋าหลังแล้วแทบไม่รู้สึกว่ามีของใส่อยู่
- ช่องซ่อนของก็งั้นๆแหละ ไม่เห็นจะได้ซ่อน
- ที่ชอบมากที่สุดคือ กระเป๋าตังค์บางขนาด ใช้ปิ๊บบัตร BTS ได้โดยที่ไม่ต้องเอาการ์ดออกมาจากกระเป๋า
12 comments