ที่ต้องแยกรีวิวในส่วนกล้องออกมาต่างหาก ก็เพราะผมเชื่อว่า ผู้ใช้งาน Smartphone น่ะ อยากจะได้กล้องดีๆกันทั้งนั้นแหละ ลองดูตัวคุณเองก็ได้ครับ เวลาไปลองทดสอบหยิบจับ Smartphone เครื่องไหน เป็นต้องเปิดกล้องมาทดสอบถ่ายก่อนทุกที ใช่ไหมล่ะครับ ฮ่าๆ ดังนั้นผมจึงต้องแยกรีวิวของกล้องออกมาต่างหาก เพื่อให้เห็นกันไปเลยว่ากล้องของ Soxy Xperia Z2 มันมีความเจ๋งยังไงบ้าง ขั้นตอนการถ่ายภาพ จะประกอบไปด้วยขั้นตอนหลักๆ 3 อย่างด้วยกันครับ นั่นก็คือ
- แสงวิ่งผ่านเข้ามาในเลนส์ โดยเลนส์จะทำหน้าที่คุมสภาวะของแสงตามสเป๊คของมัน เช่นความ Wide เท่าไหร่ และค่า f เท่าไหร่
- เมื่อผ่านมาแล้ว แสงที่เป็นข้อมูลเหล่านั้นก็จะบันทึกตัวข้อมูลลงไปบน Sensor รับภาพ ซึ่งภาพจะใหญ่ จะคมชัดแค่ไหน ขึ้นอยู่กับขนาดและเทคโนโลยีของ Sensor รับภาพนี้
- เมื่อข้อมูลทั้งหมดถูกบันทึกลงบน Sensor รับภาพแล้ว ก็จะเป็นหน้าที่ของชิปประมวลผลภาพที่จะแปลงข้อมูลแสงเหล่านั้นให้กลายเป็นภาพ ซึ่งชิปเหล่านี้ก็จะมีเทคโนโลยีการบีบอัดและแปลงข้อมูลให้แสงที่เข้ามา กลายเป็นไฟล์ที่มีขนาดคมชัดเท่าไหร่ก็ว่าไป
ดังนั้น คุณภาพของภาพก็จะขึ้นอยู่กับ 3 อย่างนี้นะครับ คือ เลนส์ , Sensor รับภาพ แล้วก็ ชิปประมวลผลภาพ มาดูกันทีละจุดก่อน Sony Xperia Z2 ใช้ G Lens ซึ่งเป็นเลนส์ของตัวเองที่ผลิตขึ้นโดยร่วมมือกับผู้ผลิตเลนส์ขั้นเทพอย่างบริษัท Carl Zeiss (ตอนนี้เหลือแค่ Zeiss แล้ว เพราะ Carl ไม่อยู่แล้วครับ) เป็นเลนส์ระดับ Pro ที่ทางพัฒนาขึ้นมาเพื่อต่อสู้ศึกสงคราม Digital Camera ระดับสูงกับเจ้าอื่นๆ ซึ่งเลนส์ G ของ Xperia Z2 จะมีค่าความ Wide 27 มม และกินแสงน้อยมากด้วยค่า f 2.0 ครับ
http://www.youtube.com/watch?v=viE6LcrlwiQ
เมื่อก่อนนี้ตัว Sensor รับภาพทั่วไปที่เป็น CMOS หรือ CCD แบบที่ไม่ค่อยมีเทคโนโลยีเสริมอะไรเท่าไหร่ ก็จะมีปัญหาในการรับแสงก็คือ รับแสงได้น้อย จนกระทั่งมีการพัฒนาระบบ BSI หรือ Backside-illuminated CMOS Sensor ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้ ซึ่ง Sony ก็ได้พัฒนาต่อมาเป็น Sensor แบบ Exmor R ที่ใช้กันในกล้อง Digital ของ Sony Cybershot รุ่นก่อนหน้านี้ครับ แล้ว Sensor แบบ Exmor R ก็ได้พัฒนาเป็น Exmor RS ตัว S ที่เพิ่มขึ้นมาคือคำว่า Stack ซึ่งทำให้การรับแสงมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิม ขนาดเล็กลง จนสามารถนำมาใช้ใน Smartphone และ Tablet ได้นั่นเองครับ
ปิดท้ายด้วยชิปประมวลผลภาพ BIONZ เมื่อข้อมูลแสงที่เป็น Analog ถูกบันทึกลงบน Sensor เรียบร้อยแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของ ชิปประมวลผลภาพ BIONZ ที่จะทำหน้าที่เกลี่ยสี กลบพวก Noise ในภาพ และบีบอัดภาพจาก Raw File ให้กลายเป็นภาพ Jpeg ได้อย่างรวดเร็ว ขั้นตอนนี้ถือว่าเป็นคอขวดในด้านการใช้งานกล้อง Digital กันมาโดยตลอด เพราะว่ากล้องส่วนใหญ่ก็จะออกแบบมาเพื่อให้ถ่ายภาพได้ใหญ่และละเอียด ผ่านการใช้เลนส์และ Sensor รับภาพ แต่พดภาพใหญ่มาก การประมวลผลภาพและการเขียนข้อมูลลงบน Memory Card กลับทำได้ช้า ก็เพราะว่าภาพมันใหญ่เกินกว่าชิปประมวลผลทั่วๆไปจะทำงานไหว
เวลาที่ถ่ายภาพเมื่อก่อน เราจะรู้สึกได้ว่า ถ่ายเสร็จรูปนึงต้องรอซักพัก กว่าจะถ่ายต่อได้ นี่แหละครับคือปัญหาคอขวดด้านการถ่ายภาพต่อเนื่อง ตากล้องบางคนก็เลยช่างมัน หา Memory Card ที่เขียนได้เร็วๆ แล้วถ่าย Raw มันซะเลย จะได้ไม่ต้องรอการประมวลผลภาพ ซึ่งบน Sony Xperia Z2 จะมีการใช้ชิป BIONZ ซึ่งเป็นชิปที่ทาง Sony พัฒนาขึ้นในใช้กับกล้อง DSLR ตระกูล alpha ครับ มั่นใจเรื่องความเร็วในการประมวลผลภาพ และการบีบอัดมาได้เลยว่าเร็วส์ แน่นอนนนนน
ในเมื่อเข้าใจระบบพื้นฐานของกล้องใน Sony Xperia Z2 ไปแล้ว มาดูกันว่าตัวสารพัดลูกเล่นของระบบกล้องมีอะไรบ้างครับ เมื่อเข้าไปในโหมดกล้องของ Sony มันจะมีให้เลือกใช้งานทั้งหมด 12 โหมดด้วยกันครับ นั่นก็คือ
- Superior Auto : โหมด Auto สิ้นคิดแบบขั้นเทพ ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย กดไปเหอะ เดี๋ยวมันสวยเอง
- Manual : ปรับค่า EV , ค่า White Balance เอง รวมไปถึงมี Scene ให้เลือกอีกกว่า 17 แบบ ทั้งถ่ายในที่มืด ถ่ายสัตว์เลี้ยง ถ่ายภาพเคลื่อนไหวเร็วๆ ถ่ายดอกไม้ไฟ และอีกสารพัด เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์ต่างๆที่คุณเลือกเอง
- 4K Video : ก็ถือถ่ายวีดีโอแบบ 4K นั่นแหละครับ ไฟล์จะใหญ่มากๆ ภาพโคตรคมชัด
- Timeshift Video : ถ่ายวีดีโอแบบ High Frame Rate ครับ ซึ่งผลก็คือจะทำให้เราปรับภาพเป็น Slow Motion ได้
- Background Defocus : ปั่นภาพแบบ หน้าชัด หลังเบลอ
- AR Effect : ถ่ายภาพน่ารักๆ กับตัวละครแบบ AR ที่ลอยขึ้นมาบนหน้าจอ
- Creative Effect : รวมมิตร Filter สารพัดแบบในการถ่ายรูป
- Vine : ถ่ายวีดีโอสั้นๆ 6 วินาที แบบอาร์ทๆ แล้วอัพโหลดขึ้น Vine ไปเลย
- Info-Eye : ยกกล้องขึ้นมาถ่ายเพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับของชิ้นนั้น โดยที่หาข้อมูลได้หลายอย่าง เช่นนามบัตร , Barcoe , ฉลากเหล้าไวน์ , สถานที่สำคัญๆ
- Timeshift Burst : กดชัตเตอร์เพียงครั้งเดียว ก็สามารถเก็บภาพได้ถึง 61 ภาพ แล้วให้เราเลือกเฟรมที่ดีที่สุด โคตเจ๋งเลย
- Social Live : อยากถ่ายทอดสดภาพที่คุณเห็นให้เพื่อนๆใน Facebook ดูไหมครับ กดปุีบถ่ายทอดสดปั๊บเลย
- Sweep Panorama : ถ่ายภาพ Panorama แบบโคตรยาวด้วยขนาด
มาดูภาพทดสอบกันนะครับ ภาพนี้ผมถ่ายด้วยโหมด Superior Auto ครับ เป็นภาพย้อนแสง เพราะว่าแท่นวางรองเท้าพวกนี้มีไฟส่อง สวนทางเลนส์ออกมา ซึ่งถ้าถ่ายแบบปกติ ก็จะเจอปัญหาคือ ภาพมืดจนมองไม่เห็นรองเท้า หรือถ้าเรา Focus รองเท้า แท่นไฟพวกนี้ก็จะขาวเวอร์จนมองไม่เห็น โหมด Superior Auto ช่วยปรับภาพทั้งหมดให้เนียนเท่ากันเป๊ะโดยที่สีไม่ค่อยเพี้ยนอีกต่างหากครับ ซึ่งจริงๆแล้ว โหมด Superior Auto ก็คือ การที่ตัวกล้องทำการคำนวนค่าแสงแล้วก็เลือกเอาว่าจะใช้โหมดไหนในโหมด Manual มาถ่ายนั่นเองครับ
ภาพนี้ถ่ายใน Taxi ตอนมึดตื๋อครับ อาศัยแสงจากไฟท้ายหน้ารถ Noise แทบไม่ค่อยมี เป็นภาพกลางคืนที่โดนยก ISO ไปแค่ 2,500 แล้วก็เป็นภาพสีนวลๆ ภาพนึงครับ
อันนี้คือภาพตัวอย่างของ 4K Video ครับ ดูใน Youtube แล้วกดเปิด 4K Mode ได้เลย ซึ่งถ้าดูภาพใหญ่จะอลังการ์และแอบเวียนหัวเล็กน้อย เพราะผมถ่ายแล้วมือสั่นๆ (สงสัยยังไม่ได้กินข้าว) ตอนที่กดถ่ายวีดีโอ เราสามารถกด Zome ด้วยการกดปุ่ม Volumn +/- ได้ด้วย แต่ภาพเป็น Digital Zoom นะไม่ใช่ Optical Zoom ไฟล์นี้ 30 วินาที ขนาดใหญ่ 215MB ครับ ใครจะถ่าย 4K บ่อยๆ ควรซื้อ SD Card แบบ High Speed เพิ่มต่างหากเลย
Timeshift Video คือการถ่ายวีดีโอแบบ High Frame Rate ซึ่งเมื่อเราเอามา Play ด้วยความเร็วแบบปกติ ก็จะสามารถเล่นภาพแบบ Slow Motion ได้ครับ ใน Samsung S4 การถ่าย Slow Motion คือ ช้าทั้งไฟล์ ของ iPhone5S สามารถเลือกโซนสำหรับการทำ Slow ได้ 1 โซน
แต่ใน Sony Xperia Z2 อยากจะให้มัน Slow กี่โซน ก็ทำไปเลยครับ
Background Defocus สำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพแบบหน้าชัด หลังเบลอ ส่วนใหญ่เอาไว้ถ่ายคน ถ่ายสิ่งของ ซึ่งถ้าอยากปั่นหน้าชัดหลังเบลอ ควรให้วัตถุอยู่ห่างจากฉากหลังมากๆหน่อยนะครับ ไม่ใช่วางซะกลืนไปหมด ระบบมันจะแยกไม่ออกว่าอันไหนเป็นวัตถุ อันไหนเป็นฉากหลัง ซึ่ง เราสามารถเลือก ทิศทางของการเบลอและระยะของการเบลอได้ด้วยครับ
AR Effect คือการถ่ายภาพโดยที่กล้องจะโหลด ภาพ 3 มิติมาเพื่อผสมกับฉาก และเราก็สามารถเล่นของพวกภาพสามมิตินั้นได้ด้วยครับ มีให้เลือกประมาณ 6 เรื่อง เช่น Fairy Tale , Dinosaur , Underwater อะไรแบบนี้ เหมาะจะให้เด็กๆเล่นมากครับ
ตัว Info-eye ก็จะสามารถใช้ค้นหาข้อมูลของสิ่งของต่างๆได้ แต่ผมลองมาสารพัดแบบแล้ว พบว่าข้อมูลในไทยน้อยมากครับ หาอะไรแทบไม่เจอเลยซักอย่าง
Timeshift-Brust : เป็นโหมดที่จะถ่ายภาพต่อเนื่องเพื่อหาภาพที่ดีที่สุดครับ กดชัตเตอร์เพียงครั้งเดียว ก็สามารถเก็บภาพได้ถึง 61 ภาพ โดยที่เป็นภาพ ก่อน-หลังอย่างละ 30 ภาพ และภาพตรงกลางอีกหนึ่งภาพครับ โคตเจ๋งเลย อันนี้เหมาะมากสำหรับการเอามาถ่ายหมาๆ แมวๆ นี่แหละ เพราะมันไม่เคยอยู่นิ่งๆให้ถ่ายเลย
Social Live คือระบบถ่ายทอดสดที่เราสามารถใช้กล้องถ่ายวีดีโอแล้วมันจะอัพโหลดขึ้นไปบน App Social Live ใน Facebook ครับ ซึ่งเพื่อนของเราที่เห็น Status นี้ ก็สามารถเข้ามาดูถ่ายทอดสดได้ โดยที่บริการที่ให้มาคือตัว Basic ครับ สามารถถ่ายได้ 10 นาที และวีดีโอจะเก็บเอาไว้ให้แค่ 24 ชั่วโมงเพื่อการดูย้อนหลัง และ resolution แค่ 270p เท่านั้น
ถ้าใครอยากจ่าย Premium ก็จะมีพื้นที่เก็บวีดีโอมากขึ้นและ Resolution ในการถ่ายก็จะมากขึ้นเป็น 720p ครับ
แต่ผมว่าเราไปใช้ Youtube Live ก็ได้นะครับ อิอิ
ระบบถ่ายภาพ Panorama ของ Sony Xperia Z2 มีความเจ๋งคือง่ายครับ กดแล้วลากปาดไปเรื่อยๆ ก็จะได้ภาพ Panorama ขนาด 4,912 x 1,080 Pixel มาเลย แต่ปัญหาก็คือ เราต้องลากให้จบครับ คือถ่ายไปแล้วจะเอาเท่านี้พอไม่ได้ บางทีหมุนกันจนเอวเคล็ดเลยล่ะครับ ฮ่าๆ
2 Feature ที่ผมไม่ได้พูดถึงก็คือ Creative Effect กับ Vine เพราะมันธรรมดาครับ ไม่ค่อยมีอะไรมาก คือถ้าเล่น Filter ใน Instagram กันอยู่แล้วก็ทำความเข้าใจได้ไม่ยาก ส่วน Vine ก็แค่ถ่ายวีดีโอแบบเลือกซีนได้ 6 วินาทีเท่านั้นเอง
สรุปความประทับใจในการใช้ Sony Xperia Z2 กว่า 2 เดือนที่ผ่านมา
- CPU เร็วแรงแบบหายห่วง ไม่เคยกดอะไรแล้วต้องรอบน Sony Xperia Z2 เลยครับ
- Ram เยอะมากๆ ผมเปิด Tab ทิ้งไว้บน Chrome Browser ทั้งหมด 63 Tab มันยังใช้งานได้โดยที่ไม่สะดุ้ง
- Battery บอกไม่ถูกว่าอึดหรือไม่อึดดี เพราะบางวันก็พอ บางวันก็ไม่พอขึ้นอยู่กับการใช้งานจริงๆ แต่โหมดประหยัด Battery ช่วยให้เอาตัวรอดกลับบ้านมาได้หลายครั้ง
- App สนับสนุนที่ทาง Sony ทำมา ใช้ได้จริง แต่ก็น่าเสียดายที่บาง App ยังใช้ไม่ได้ในประเทศไทย เช่น Track ID TV
- ระบบกันน้ำ เป็นที่ถกเถียงกันมาหลายเจ้าว่า ตกลงมีแล้วมันดีไม๊ แล้วมันกันได้จริงหรือเปล่า ทำไมมีคนไปเคลมอยู่เรื่อยๆว่าน้ำเข้า อันนี้ก็ต้องบอกเลยว่า เค้าทำ “ระบบป้องกันน้ำ” ไม่ใช่ทำระบบ “ลุยน้ำ” ครับ ถ้าต้องไปใช้งานกลางฝน หรือโดนน้ำสาด อันนี้ป้องกันได้ ถ้า Seal ปิดครบดี แต่โดนน้ำตูมลงไปลุยถ่ายใต้น้ำอันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องนะครับ คุณหาเรื่องเสี่ยงเอง พอโดนความเสี่ยงเล่นงานก็ต้องรับกรรมนะครับ สิ่งสำคัญคือตัว Seal ปิดหนาแน่น ดีหรือเปล่านั่นแหละ
- Keyboard Thai ของ Xperia ยังไม่ค่อยถูกใจผมเท่าไหร่ สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนเป็น แม่นแม่น Keyboard Thai เจ้าประจำบน Android ของหลายๆคน
- หน้าจอ Triluminos เป็นอีกอันที่ชอบมากครับ ช่วงหลังๆผมจะโหลด Podcast ต่างประเทศมาดูเยอะมาก ซึ่งหน้าจอแจ่มๆทำให้นั่งดูได้ต่อเนื่องโดยไม่เบื่อเลยจริงๆ
- ระบบ DLNA ที่ทำให้แชร์ Media เช่น ภาพ หนัง เพลง ระหว่างอุปกรณ์ทีวี เครื่องเสียงในบ้านก็ทำออกมาได้ดีนะครับ ผมใช้ TV ของ Sony อยู่เหมือนกัน สามารถนำหนัง เพลงไปเปิดบน TV ผ่านระบบ Network ได้สบายๆ
- ระบบ Auto Update ที่มีการอัพเดท App มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้รู้สึกอุ่นใจในการใช้งาน
- ปัญหาที่หลายๆคนเจอมา ซึ่งผมก็เจอเหมือนกันก็คือ การถ่ายภาพต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ เช่นถ่ายวีดีโอ 4K นานๆ แล้วกล้องจะร้อนจนใช้งานต่อไม่ได้ ปัญหานี้ผมก็เจอครับ เป็นปัญหาที่ต้องรอการแก้ไขจากทาง Sony อยู่ว่า Firmware ตัวใหม่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ไหม ซึ่ง Smartphone ที่ถ่ายวีดีโอ 4K ได้ เจอกันทุกตัว ทุกยี่ห้อ ครับ
ผมว่า Smartphone ตัว Top อย่าง Sony Xperia Z2 สามารถทำให้คุณพึงพอใจได้ไม่ยากครับ เพราะมันเร็วจนไม่ต้องกลัวว่าจะมีอะไรทำให้ช้า ถ่ายรูปสวย หน้าตาดี ทนทาน กันน้ำ แบทอึดอีก … ผมอยากให้ไปลองจับตัวจริงกันดูที่ ศูนย์ Sony นะครับ แล้วก็ลองตัดสินใจกันดูว่ามันจะเป็น Smartphone ประจำตัวคุณกันหรือเปล่า
15 comments