กระแสของหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านมันกำลังเดินทางมาถึงจุดที่ใกล้จะเป็นของใช้ประจำบ้านแล้วครับ น่าจะอีกซัก 5 – 6 ปี หุ่นยนต์พวกนี้น่าจะมีความจำเป็นในระดับเดียวกับเตาไมโครเวฟในคอนโดเลยทีเดียว วันนี้ Melonbox.com ได้เปิดไลน์จำหน่ายสินค้าของหุ่นยนต์ทำความสะอาดรุ่นประหยัดขึ้นมา ยี่ห้อ Autobot ครับ
ตอนนี้สงครามหุ่นยนต์ (ทำความสะอาด) กำลังรบกันหนักมาก เพราะยี่ห้อระดับโลกอย่าง iRobot , Samsung , LG เข้ามาทำตลาดกันเยอะสุดๆ แต่ละยี่ห้อก็จะมีข้อดีข้อเสียไม่เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆ ทุกเจ้าราคาหมื่นกว่าเหมือนกันหมดครับ ทีนี้สำหรับคนที่อยากได้หุ่นยนต์ทำความสะอาด แต่งบไม่ถึง บางทีก็รู้สึกว่า Feature เทพๆในหุ่นรุ่นใหญ่อาจจะไม่จำเป็นก็ได้ ขอให้มันวิ่งรอบห้องแล้วสะอาดก็พอแล้ว อาจจะถูกใจเจ้า Autobot ก็เป็นได้ครับ
ผมแกะกล่อง Autobot Mini T270 มา ก็จะมีอุปกรณ์ดังต่อไปนี้ครับ
- ตัวหุ่น Autobot mini
- Battery ขนาด 800 mAh
- ฝาปิด Filter ถังเก็บฝุ่น
- Power Adapter สำหรับชาร์จไฟ
- คู่มือและใบรับประกัน
- กระดาษ MicroFiber สำหรับช่วยถูเก็บฝุ่น
- แกะปั่น 8 แฉก 2 อันเพื่อปัดฝุ่นให้มาเข้าช่องดูดฝุ่น
Battery ขนาด 800 mAh ทำให้หุ่นสามารถวิ่งดูดฝุ่นได้ประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง ต่อเนื่อง
ตัวแกนปั่นหน้าตาเหลาเหย่ไปนิดนะครับ แต่มันเอาไว้ใช้ปัดฝุ่นอยู่แล้วจะสวยไปทำไม
Filter สำหรับปิดฝาถังเก็บฝุ่นเพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นเล็ดรอดออกจากถังไปได้ครับ
ตัวหุ่น Autobot Mini ขนาดไม่ใหญ่มาก เทียบกับ iPhone5S ให้ดูครับ ตัวหุ่นเป็นสีขาวด้าน ขนาด 27 x 27 x 7.6 cm
จะเห็นได้ว่า ตัวเล็กกะทัดรัด เหมาะกับห้องเล็กๆ เพราะวางแล้วไม่กินพื้นที่มากครับ
ตรงช่องบอกข้อมูล จะมีช่องให้เสียบชาร์จไฟ / ไฟที่บอกว่ากำลังชาร์จอยู่ / ปุ่มเปิด-ปิด / ไฟบอกว่า Low Battery ครับ ถ้ามีไฟ Low Batt แดงขึ้นมา จะเหลือไฟให้วิ่งได้ประมาณ 5 – 10 นาที เท่านั้นครับ
แกะฝาด้านบนเปิดขึ้นมา จะพบกับถังเก็บฝุ่นครับ ก่อนใช้งานก็เอาเจ้า Filter ปิดฝาให้เรียบร้อยก่อนนะครับ ไม่งั้นดูดทั้งปีก็ไม่สะอาดครับ
พลิกมาดูใต้เครื่องกันบ้าง จะเห็นว่า กลไลควบคุมการเคลื่อนไหว ก็คือ ล้อซ้าย – ขวา ที่ทำหน้าที่เดินหน้า ถอยหลัง แล้วก็เลี้ยวไปมา ส่วนล้อหน้ามีหน้าที่สนับสนุนการเลี้ยวอย่างเดียว
แกนสี่เหลี่ยมสีขาวๆทั้งสองข้าง เอาไว้ใส่แกนปั่นให้ปัดฝุ่นเข้ามายังถังดูดตรงกลางครับ
ส่วนแผ่นๆ ที่อยู่ตรงกลางล้อ ก็คือ แผ่นที่จะเอากระดาษ Micro Fiber มาหนีบเพื่อช่วยทำความสะอาดเพิ่มนั่นเอง
แกะเอาแผ่นที่อยู่ตรงกลางออกมา แล้วเอากระดาษ Micro Fiber มาหนีบแบบนี้ครับ ก็จะได้กลไกทำความสะอาด 2 ชั้น ฝุ่นไหนดูดขึ้นก็จะโดนดูดขึ้นถังเก็บฝุ่นไป ฝุ่นไหนดูดไม่ไหว ก็เอากระดาษ Micro Fiber มาจับซะ
ใน Package ที่ให้มาจะแถมกระดาษ Micro Fiber แบบเปียกมาด้วยอีก 30 ชิ้นครับ ก็น่าจะใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 2 เดือน
เมื่อประกอบร่างเสร็จแล้ว จะเป็นแบบนี้ครับ เหมือนแมลงเต่าทองที่นอนไม่หลับมา 2 อาทิตย์
อีกหนึ่งจุดสำคัญมากก็คือตาครับ ตาของเจ้าหุ่น Autobot เป็น Laser ที่อยู่บริเวณด้านบน , ด้านข้างซ้ายขวา ซึ่ง จะเห็นว่ามันมีช่องเปิด – ปิด เป็นระยะให้เราปรับได้อยู่ โดยที่ระยะของการปรับขนาดของช่อง Sensor จะขึ้นกับระดับการสะท้อนแสงได้ของพื้นครับ นั่นก็คือ ถ้าพื้นทึบ เช่น พื้นไม้ พื้นปูน ก็ต้องเปิดขนาดกว้างหน่อย แต่ถ้าเป็นพื้นกระเบื้องหินขัดที่สะท้อนแสงได้ ก็อาจจะปรับลดขนาดของรู Sensor ลงมาครับ
และใต้แผ่นรองทำความสะอาด จะมีช่องสำหรับใส่ก้อน Battery เข้าไป ตอนแรก ผมไม่รู้ นึกว่ามีให้ 2 ก้อน เอาไปชาร์จทั้งคืน ไม่เห็นใช้ได้ สรุปว่า เซ่อเองครับ ฮ่าๆ ตอนใส่ Battery ก็สังเกตขั้ว บวก/ลบ ให้ดี นะครับ
เมื่อประกอบร่างเสร็จแล้ว และชาร์จไฟให้มันประมาณ 3 ชั่วโมง Autobot Mini ก็พร้อมปฏิบัติการแล้วครับ
รูปแบบการวิ่งของ Autobot จะมีดังต่อไปนี้ครับ คือ วิ่ง Random ให้ทั่วห้อง เพื่อหารัศมีทั้งหมดของห้องให้เจอว่า มีกำแพงตรงไหนบ้าง จากนั้นก็จะกลับมาที่กลางห้อง เพื่อวิ่งเป็นก้นหอย ในการทำความสะอาดให้ทั่ว จากนั้นปิดท้ายให้ด้วยวิ่งเลาะขอบกำแพงให้หมด ตามด้วย ก้นหอยอีกรอบเพื่อให้แน่ใจว่าสะอาดจริง
แต่ทีนี้ครับ เวลาเอามาใช้ในคอนโด ผมก็จะเจอปัญหานิดหน่อย เช่นระดับของพื้นที่มันไปติด ก็งงเหมือนกันว่าติดได้ไง
อันนี้คือ ความสกปรกของกระดาษ Micro Fiber เมื่อวิ่งถูพื้นห้องผม ประมาณ 2-3 วัน ห้องผมมีขนาด 74 ตรม เป็นคอนโดสูงอยู่ชั้น 16 เปิดหน้าต่างค้างไว้บ้าง และมีหมา 1 ตัวครับ จะเห็นได้ว่า กระดาษ Micro Fiber ก็ทำหน้าที่ได้ไม่เลวครับ
ปริมาณฝุ่นที่อัดแน่นถังเก็บฝุ่น อันนี้แค่รอบเดียวนะครับ
สรุปก็คือ Autobot Mini เป็นหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพคุ้มราคานะครับ เพราะค่าตัวมันแค่ 3,900 บาทเองเมื่อเทียบกับพวกหุ่นเทพๆ ตัวละ 30,000!
หลังจากทดลองใช้มาประมาณ 1 อาทิตย์ครับ ก็พบข้อมูลที่จะนำมาแบ่งปันสำหรับคนที่อยากจะใช้งานมันดังต่อไปนี้
- Autobot mini ไม่มีระบบตั้งเวลานะครับ อยากใช้เมื่อไหร่ก็เปิด อยากเลิกเมื่อไหร่ก็วิ่งไปปิด ดังนั้น ถ้าเราใช้งานมัน แล้วมันวิ่งเตลิดไปไหน บางทีเราก็อาจจะหาไม่เจอก็ได้ ถ้าเป็นไปได้ ก็ควรจะใช้ในสภาพแวดล้อมที่ปิดเช่นในห้องนะครับ ถ้าเอาไปใช้ในสภาพแวดล้อมเปิด บางทีอาจจะวิ่งออกนอกบ้านไปเลยก็ได้
- ระหว่างที่ Autobot Mini กำลังทำงานอยู่จะมีเสียงเครื่องดูดฝุ่นทำงานด้วย แต่เสียงจะเบากว่าเยอะครับ ประมาณ 1 ใน 3 ของเสียงเครื่องดูดฝุ่นแรงๆ
- ตาม Spec เคลมว่าสามารถไต่พื้นที่มีระดับแตกต่างกันได้ 0.5 cm แต่เอาเข้าจริง ผมก็เห็นมันไปติดที่รอยต่อตามพื้นระหว่าง ปาเก้ กับ กระเบื้องขัดของผม 2-3 ครั้ง ก็ต้องเดินไปดันก้นช่วยมันด้วย รวมไปถึงสายไฟตามพื้นบางทีก็ติดเหมือนกัน
- ในแง่ของความสะอาด มันสามารถเก็บฝุ่นมาได้ มากระดับนึงครับแต่ยังไม่เท่ากับรุ่นเทพๆ ทั้งหลายที่ผมใช้อยู่ พวกเทพๆ นี่เดินเข้าบ้านด้วยเท้าเปล่า เราจะรู้สึกได้เลยว่า พื้นมันลื่นระดับที่เท้าเราไม่โดนฝุ่นเลย แต่กับ Autobot ผมมองว่า ทำความสะอาดได้ประมาณ 70-80% ของพวกรุ่นใหญ่ครับ
- กระดาษ MicroFiber ก็สกปรกง่ายเหมือนกัน คิดว่าถ้าทำความสะอาดทุกวัน แผ่นนึงน่าจะได้ประมาณ 2-3 วัน ในกล่องจะให้มาด้วย 3 แผ่นครับ แต่!! ทางทีมงาน Autobot ก็แถมกระดาษทำความสะอาด Scott มาให้ด้วยปึกนึงครับ มีประมาณ 30 แผ่น ก็ทำให้ใช้งานได้ต่อเนื่องนานเข้าไปอีก ถ้ากระดาษหมด ก็หาซื้อตาม Super Market ทั่วไปได้เลยครับ แต่ปัญหาก็คือ กระดาษแบบเปียกใช้ได้ครั้งเดียว ก็ต้องทิ้งไปเลย เพราะถ้าเก็บไว้กระดาษก็จะแห้งไม่สามารถใช้ดักจับฝุ่นได้อีกนั่นเองครับ
โดยรวมแล้ว ผมว่า คนที่อยู่คอนโดโคตรเหมาะกับการใช้งาน Autobot Mini นะครับเพราะว่า ห้องขนาดไม่ใหญ่มาก เฟอร์นิเจอร์ที่จะไปขวางทางเดินก็ไม่เยอะ ขนาดห้องก็เหมาะสมกับตัวถังเก็บฝุ่นกับกระดาษ Micro Fiber และที่สำคัญ ถ้ามันหายไปไหน ก็หาได้ง่าย อย่างคอนโดผมเนี่ย มีซอกเยอะ บางทีปล่อย Autobot mini เดินไป ซักพัก หาไม่เจอ มันอยู่ไหนฟระเนี่ย ปรากฏว่าไปติดสายไฟใต้เตียงอะไรแบบนี้ แต่ผมก็ชอบนะครับ มันราคาไม่แพงเลยจริงๆ
ใครที่สนใจผมแนะนำให้ไปจัดที่ Melonbox.com เลยนะครับ ตอนนี้มีโปรโมชั่น ลดราคาจาก 5,990 บาท เหลือแค่ 3,990 บาทเท่านั้นครับ ถ้าเกิดอยากทดลองว่าบ้านตัวเองเหมาะกับหุ่นยนต์ทำความสะอาดหรือเปล่า ก็ลองทดสอบดูได้เลยครับ
126 comments