นานๆทีจะได้รีวิว เครื่องพิมพ์เทพสำหรับองค์กร เจ้า HP Officejet Pro X476dw ตัวนี้ ต้องบอกว่าเป็นเครื่องพิมพ์ inkjet แบบครบวงจรของ HP ที่มีความเร็วในการพิมพ์ที่เร็วโคตรๆ ด้วยเทคโนโลยีใหม่ของ HP ที่ชื่อว่า Page Wide Technology ทำให้พิมพ์เอกสารทั้งหน้าเสร็จในเวลาแค่ 0.8 วินาทีครับ
Page Wide Technology เป็นเทคนิคใหม่ในการพิมพ์ของ HP ที่ทำให้พิมพ์เอกสารเสร็จทั้งหน้าในเวลาแค่ 0.8 วินาทีเท่านั้น และด้วย Page Wide Technology นี่แหละ ที่ส่ง Officejet Pro X576DW ให้กลายเป็น เครื่องพิมพ์ inkjet ที่เร็วที่สุดในโลกประจำปี 2013 ซึ่งเจ้า 476dw เองก็เป็นรุ่นน้องที่ได้รับพลังความเร็วนั้นมาด้วย ถึงจะไม่เท่ารุ่นพี่ที่พิมพ์ได้ขนาดนั้นก็เถอะ แต่ตอนผมเห็นมันพิมพ์ครั้งแรกผมก็ตกใจแล้ว เร็วชิปหายแบบตกใจเลย อะไรฟระเนี่ย
นอกจากจะเป็นตระกูลของ Inkjet Printer ที่พิมพ์เร็วที่สุดในโลกแล้วทาง HP จั่วหัวคำโฆษณาเจ้า Printer ในตระกูล Officejet Pro X เอาไว้ว่า “ให้ความคมชัดเท่าเลเซอร์ในราคาที่ต่ำกว่าครึ่ง” ซึ่งตอนแรกที่ได้ฟัง ผมรู้สึกว่า โคตรขี้โม้เลยครับ แต่หลังจากที่ทำการศึกษามัน และทดสอบประมาณ 2 อาทิตย์ก็ต้องบอกว่า คำกล่าวนี้ไม่ได้เกินจริงเลยแม้แต่น้อย HP Officejet Pro X เร็ว ดี ครบเครื่องอย่างที่เค้าว่าไว้จริงๆนั่นแหละ
อย่างไรก็ตาม การรีวิวตัวนี้ ผมไม่อยากเน้น Spec มากนัก เพราะมันไปหาอ่านเอาตาม pdf ก็ได้ แต่จะเน้นรีวิวไปในเรื่องความสะดวกเวลาใช้กับองค์กรใหญ่ๆนะครับ
ก่อนอื่นมาดูรอบๆตัวเครื่องกันก่อนว่าหน้าตาของ HP Officejet Pro x476dw ตัวนี้ มีหน้าตาเป็นไงบ้างนะครับ
ตัวเครื่องค่อนข้างใหญ่มากๆ มิติของตัวเครื่องก็คือ 678 x 670 x 517 มม. นี่คือความใหญ่สุด ตอนที่กางพวก tray เก็บกระดาษออกมาจนครบนะครับ เรียกได้ว่าค่อนข้างใหญ่มากทีเดียวเชียวล่ะ เหมาะสำหรับองค์กรที่มีคนซัก 25 – 40 คน กำลังดีเลย น้ำหนักประมาณ 24 กิโลกรัม ดังนั้นหาโต๊ะตั้งที่มั่นคงหน่อยนะครับ แล้วก็เลือกตำแหน่งวางดีๆล่ะ จะได้ไม่ต้องย้ายมันบ่อย อิอิ
HP Officejet Pro X476dw ตัวนี้เป็น All in One Printer ครับ มีความสามารถครบทั้ง Print / Scan / Fax (รองรับ Digital Fax ด้วย) / Copy และ USB Access ด้วย
Port ในการเชื่อมต่อด้านหลังมาครบ ทั้ง LINE (สายโทรศัพท์ที่ไว้ใช้กับ Fax ) , ช่อง RJ45 , ช่อง USB ทั้งแบบ A และ B แถมมี WIFI มาให้ในตัวแล้วด้วยครับ
ตัว Tray รองรับกระดาษมี 2 จุดด้วยกัน จุดแรกจะเป็นช่องเสียบกระดาษอเนกประสงค์ที่รองรับกระดาษได้ 50 แผ่น เปลี่ยนกระดาษทั่วๆไปได้ง่าย และอีกช่องคือ ช่องที่ใส่กระดาษทั้งริมแบบนี้ รองรับได้สูงสุด 500 แผ่นครับ
สำหรับการ Scan และ Fax รองรับทั้งแบบ ADF (audo document feed) และแบบ FlatBed แบบนี้นะครับ ความเร็วในการ Scan อยู่ที่ 20แผ่นต่อนาที เมื่อ Scan ด้วยความละเอียด 300 ppi แบบขาวดำ ซึ่งถ้า Scan แบบสี ก็จะทำความเร็วเหลือ 15 แผ่นต่อนาทีครับ ซึ่งถาด ADF สามารถใส่กระดาษได้ 50 แผ่นด้วยกัน
การควบคุมและแสดงผลสามารถใช้หน้าจอสีแบบสัมผัสขนาด 4.3 นิ้ว มาพร้อมปุ่ม 6 ปุ่ม และตัวหน้าจอก็กดได้นะครับ ซึ่งการตอบสนองทำมาได้ดีและเร็วพอสมควรเลยทีเดียว กดแล้วไม่มีอาการ Lag
หน้าจอในการควบคุม จะสามารถสั่งการได้ว่าอยากทำอะไรบ้าง ซึ่ง การถ่ายเอกสาร หรือส่ง Fax และ Scan สามารถสั่งได้จากหน้าจอตรงนี้เลย และเครื่องนี้ยังสามารถพิมพ์ผ่าน App ได้อีกด้วย
ช่องใส่หมึกจะอยู่ใต้ตัวจอควบคุมครับ ก็เป็น 4 สี แบบ CMYK ปกติ ชุดนึงสามารถพิมพ์ได้ประมาณ 4,000 แผ่นครับ
การพิมพ์ผ่าน App สามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน แล้วแต่ชอบครับ ถ้าใครใช้ iPhone ก็สามารถพิมพ์ผ่าน Airprint ของ Apple ก็ได้ หรือถ้าใครใช้ Google Doc ก็รองรับ Google Cloud Print แถม HP ยังทำ App ของตัวเองชื่อ HP ePrint มาให้อีก ค่อนข้างครบวงจรสำหรับคนทำงานไร้สายเลยครับ
และที่เกริ่นไปตอนต้นที่บอกว่ามันพิมพ์ได้เร็วมากๆ ความเร็วในการพิมพ์ของมันตามมาตรฐาน ISO คือ 36 แผ่นต่อนาที ทั้งสีและขาวดำ แต่ถ้าใช้โพลไฟล์การพิมพ์แบบประหยัดหมึกของ HP ก็สามารถเร่งความเร็วได้สูงถึง 55 แผ่นต่อนาที ทั้งสีและขาวดำเลยครับ ลองดูจากวีดีโอได้เลย
และอย่างที่บอกไปว่า สาเหตุที่ทำให้มันเร็วโคตรได้ขนาดนี้ก็ต้องยกความดีงามให้กับ Page Wide Technology ครับ
ปัญหาของการพิมพ์ inkjet แบบก่อนก็คือ หัวฉีดหมึกมีแค่ 12 หัว ดังนั้น การพิมพ์มันก็จะพิมพ์ทีละแถว แล้วค่อยๆเลื่อนกระดาษเข้าไป อย่างที่เราเคยเห็นกันในเครื่องพิมพ์ inkjet รุ่นก่อนหน้าทั้งหมด กระดาษมันจะค่อยๆ กระดึ๊บๆออกมา ถ้าอยากพิมพ์ให้เร็ว ก็เพิ่มหัวฉีดแล้วกระดึ๊บกระดาษให้มันเร็วขึ้น
แต่ HP มองว่า พัฒนาแบบนั้นมันไม่ก้าวกระโดดก็เลยออกแบบใหม่ ให้ตัวหัวฉีดทั้งหมด คลอบคลุมกระดาษทั้งแผ่นและมีหัวฉีดกว่า 42,240 หัวครับ ทันทีที่กระดาษผ่านเข้ามา มันระดมฉีดหมึกรวดเดียวเลย จึงทำให้ไม่ต้องมานั่งกระดึ๊บกระดาษทีละนิดๆ แต่วิ่งปรื๊ดดดดดเดียว เสร็จเลย
ยิ่งไปกว่านั้น การทีหัวฉีดไม่ได้ขยับซ้ายขวาๆ แบบเมื่อก่อนจึงทำให้เอกสารที่พิมพ์คมชัดมากๆ เพราะเมื่อก่อนความคมชัดจะลดหายลงไปมาก เพราะว่า ทั้งกระดาษและหัวฉีดหมึกมันเคลื่อนไหวตลอดเวลา ตอนนี้มีแค่กระดาษที่วิ่งผ่านจึงมั่นใจเรื่องความคมชัดได้เลย
ไม่เจออาการสีช้ำของหมึกเลยครับค่อนข้างเนียนมากๆ
ภาพที่ละเอียดมากขนาดนี้ก็ยังไม่ช้ำ
เอกสารสามแผ่นนี้ ผมพิมพ์ด้วยความละเอียดคนละ Profile คือ นั่นก็คือ แบบ Eco / General Use แล้วก็ แบบคมชัดสุดๆ แยกออกไหมล่ะครับ ว่าตัวไหนพิมพ์แบบไหน ผมเองก็แยกไม่ออกนะ เพราะตอนพิมพ์เสร็จกระดาษดันลมพัดหล่นลงมา สลับกันหมดเลย คิดว่าจะแยกด้วยตาเปล่าได้ แต่เอาเข้าจริง แยกไม่ออกเลยครับยังไงกดดูรูปใหญ่ได้นะครับ จะได้เห็นชัดๆ ตัวที่ใส่มาในเว็บมันจะย่อภาพนิดหน่อย
ประสิทธิภาพการพิมพ์จะอยู่ที่เดือนละ 500 ถึง 2,800 แผ่นครับ ซึ่งเป็นปริมาณที่เหมาะสมกับตัวเครื่องที่สุด
ดูเทคโนโลยีกันไประดับนึงแล้ว มาดูกันว่า HP Officejet Pro X476DW ตัวนี้มันเหมาะสมกับการใช้งานในองค์กรยังไงบ้างนะครับ
อย่างแรกเลยคือ รองรับ Network Printing ใช้ได้ทั้ง WIFI และสาย LAN ดังนั้น จะไปตั้งตรงไหนของ Office ก็ได้ แถมการใช้งาน WIFI ยังรองรับ Wifi Direct ด้วย ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉิน Network ดับ ก็ยิงตรงใส่มันไปเลยก็ได้
แถมตัว Network Print ยังติดตั้งง่าย ทั้ง Windows 7 / 8 กด Scan ทีเดียวเจอ ยิ่ง Mac ไม่ต้องพูดถึงง่ายโคตรครับ ฮ่าๆ กดปุ๊บเจอปั๊บ
รองรับ Digital Fax ครับ เวลามี Fax เข้ามา จะพิมพ์ หรือจะให้มันเก็บเป็นไฟล์ก็ได้ ส่วนถ้าใครจะส่ง Fax .. ก็ส่งจากเครื่อง PC ตัวเองไปยังระบบ Fax ได้เลย ไม่จำเป็นต้องพิมพ์เอกสารมาก่อนแล้วค่อยเอาไปส่ง Fax อีกครั้งเหมือนสมัยก่อน
HP Officejet Pro X476dw ตัวนี้ รองรับ HP Webjet admin ด้วยครับ
ซึ่งเจ้า HP Webjet admin เนี่ยใช้ในการดู Report การใช้งานของ Printer เพื่อประเมินแนวโน้มการสิ้นเปลืองของหมึกครับ องค์กรนึงไม่รู้มี Printer กี่เครื่อง พนักงานก็พิมพ์กันทิ้งๆขว้างๆ ซึ่งนอกจากกำหนด Username ของคนใช้งานได้แล้วว่าใครพิมพ์ ยังสามารถใช้ตัว HP Webjet Admin ช่วยในการประเมินอัตราการสิ้นเปลืองของหมึกได้อีกด้วยครับ
รองรับระบบพิมพ์สองหน้าโดยอัตโนมัติ เพื่อประหยัดกระดาษครับ เมื่อก่อน Feature นี้จะมีแค่บางรุ่น แถมไม่ได้เปิดใช้งานมาโดยอัตโนมัติ เพื่อเป็นการลดการใช้กระดาษ ทาง HP เลยเปิดระบบ automatic two-sided printing มาให้เลยครับ แถมด้วย Profile พิมพ์ประหยัดหมึกที่ชื่อ ECO อีก งานนี้ ลดค่าใช้จ่ายทั้งหมึกและกระดาษเลย
https://www.youtube.com/watch?v=0RdqyMW-24E
หลังจากที่ทดสอบใช้มาประมาณ 2 อาทิตย์ ผมก็ขอสรุปความรู้สึกไว้ประมาณนี้ละกันนะครับ
สำหรับผู้ใช้งาน HP Officejet Pro X ตัวนี้ พิมพ์เร็ว คมชัด รองรับการพิมพ์จากหลายๆ Source เช่นจาก USB Drive / Network / Cloud แถมครบเครื่องทั้ง Copy / Fax / Scan ทำให้ตั้งเครื่องเดียวเที่ยวทั่วโลกอยากทำไรก็ได้
สำหรับผู้ดูแลระบบ เจ้านี้ใช้งานง่าย รองรับการเชื่อมต่อหลายแบบ มีระบบ User Management ไว้ควบคุมผู้ใช้ว่า ใครพิมพ์ได้เดือนละกี่แผ่น หรือ ใครพิมพ์ขาวดำ หรือ พิมพ์สีได้ แถมด้วย HP Webjet Admin ยังช่วยทำ Report การใช้งานส่งเจ้านายได้ไม่ยากอีกต่างหาก
สำหรับเจ้าขององค์กร ด้วยระบบประหยัดหมึก และ ระบบพิมพ์ 2 หน้าอัตโนมัติ น่าจะช่วยทำให้อุ่นใจสำหรับการควบคุมการสิ้นเปลืองขององค์กรได้มาก และตัว HP Webjet Admin ยังช่วยประเมินการใช้หมึกและกระดาษต่อเดือนให้เราดูได้ด้วยว่า ด้วยทรัพยากรที่เหลืออยู่จะรองรับการพิมพ์ขององค์กรไปได้นานแค่ไหน และจะต้องสั่งซื้อหมึกใหม่เมื่อไหร่ครับ
หรือถ้าเกิดเจ้าขององค์กรท่านใดรู้สึก ยังงงๆว่ายังมีเทคโนโลยีใดช่วยเหลือในด้านการทำธุรกิจได้อีก ลองเข้าไปที่ http://www.hpofficejetsurvey.com ที่นี่จะเป็น Quiz สั้นๆ ที่จะช่วยคุณเห็นภาพรวมของธุรกิจคุณว่ายังขาดตกบกพร่องอะไรตรงไหนอีกบ้าง
อย่างไรก็ตาม ค่าตัวของ HP Officejet Pro X476dw อยู่ที่ประมาณ 28,000 บาท ซึ่งราคาก็แล้วแต่ Dealer ที่รับไปจำหน่ายด้วยนะครับ สำหรับองค์กรไหนที่กำลังมองหาเครื่องพิมพ์ทรงพลังครบวงจรในราคาไม่โหดเท่าพวก Laser Printer เทพๆ ลองดู HP Officejet Pro X 476dw ได้เลยครับ แจ๋วแน่นอน