รีวิว App Primetime .. App ดูหนังออนไลน์ที่เปลี่ยนนิสัยคนโหลดบิทแบบผมได้

หลังจากที่เขียนเรื่องแนวโน้ม การดูหนังของคนออนไลน์ ที่ตอนนี้จะย้ายทิศทางไปดูหนังแบบ Streaming มากขึ้น เพราะ Internet มันเร็วขึ้น ผมก็ลองสมัคร Primetime บริการดูหนังออนไลน์ขั้นเทพที่พึ่งเปิดตัวไป วันนี้ก็ลองเล่นมาประมาณเกือบเดือนแล้ว เลยจะมารีวิวให้ดูครับ

ยอมรับว่าตัวเอง ยังมีเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์อยู่บ้างนั่นก็คือ หนัง ครับ …. ส่วนตัว ดูหนังในโรงหนังอยู่แล้ว แต่ที่ยังโหลดอยู่ ก็เพราะว่า บางเรื่องดูไม่ทัน เพราะไม่มีเวลาไปดู เลยไปหาโหลดมาดูอะไรแบบนี้ ซึ่งตอนหลัง หนังเต็ม NAS 8TB เลยครับ  (เอ๊ะ ไหนบอกโหลดเฉพาะเรื่องที่ดูไม่ทันไง)

สุดท้ายผมมองว่า หนังที่ผมโหลดมาพวกนี้ โหลดมาเสร็จก็ดูรอบเดียวอยู่แล้ว แถมยังไม่กล้าลบ เพราะกลัวหาโหลดอีกไม่ได้ กลายเป็นไฟล์ขนาดมหึมาในชีวิต ที่เปลืองพื้นที่เก็บข้อมูลเป็นที่สุด เรียกได้ว่า ไม่คุ้มค่า Harddisk ที่ซื้อมันมาเก็บรักษาไว้ยาวๆเลยซักนิดเดียว ( อย่าไปนึกถึงแค่ราคา Harddisk ลูกละ 2,000 กว่าบาทนะครับ ลองนึกว่า ต้องเก็บมันยาวๆ หลายๆปี นะครับ มันไม่ใช่แค่ลูกเดียวแน่ๆ )

พอดี Primetime เปิดตัวเลยลองสมัครดูซักเดือนนึง เพื่อทดสอบว่าจะสามารถเปลี่ยนรูปแบบการดูหนังในชีวิตได้บ้างไหม ตอนนี้ก็ดูมาครบเดือนแล้ว เลยมาปั่นรีวิว เผื่อจะมีใครหลายๆคนสนใจสมัครบ้างนะครับ

หนังใน Primetime มีหลักๆ อยู่ 3 หมวดด้วยกัน

• หนัง Premier คือหนังที่ค่อนข้างใหม่ เช่น นินจาเต่า  , Guarduan of the Galaxy , Battleship หนังพวกนี้จะดูต้องเสียค่าใช้จ่ายในการชมเหมือนซื้อตี๋วหนัง เรื่องละ 79 บาท แต่ถ้าซื้อตั๋ว 2 ใบก็ 100 บาทครับ ดูได้ภายในเวลา 48 ชั่วโมง (คิดซะว่า เช่าหนังแผ่นจากร้านมาดู ต้องคืนใน 2 วันอะไรแบบนี้)
• หนังบุฟเฟ่ต์ หนังเกรด A ที่ออกจากโรงไประดับนึงแล้ว เช่น Conair , Gone in 60 second , Harry Potter , The Dark Knight
• หนัง Series … ตอนนี้ยังมีไม่เยอะเท่าไหร่ แต่เท่าที่ดู ก็มีเด็ดๆ เช่น ARROW , Agent of Shield , GLEE

แล้วก็จะมี Collection ของหนังเพิ่มขึ้นมาตามวาระต่างๆ เช่น ตอนที่ Leonard Nimoy นักแสดงที่เล่นเป็น Spock ใน Star Trek เสียชีวิต ทาง Primetime ก็มีรวม Star Trek Collection มาให้ดูด้วย (แต่งงตรงที่ ภาคแรกสุด Star Trek The Motion Picture หายไปไหนหว่า)

ล่าสุดพอกระแส Fast & Furious เข้ามา ทาง Primetime ก็จัด Pack 6 ภาคทันที แม่เจ้า ดูจนหายคิดถึง Paul Walker เลย

แล้วก็ทาง Primetime เหมือนจะมีจับมือกับ Disney เป็นกรณีพิเศษด้วย เพราะว่ามีการรวมเอาหนัง Disney มาแยกเป็น Collection พิเศษ (ใช้สิทธิ Buffet ดูได้นะครับ)

เท่าที่ทดสอบดู ผมคิดว่า Package ที่เหมาะกับผมน่าจะเป็นชุดดูหนัง Buffet นี่แหละครับ เลยกดซื้อไป 299 บาทต่อเดือน มาเดือนนึงก่อนเพื่อทดสอบ ถ้าโอเคก็ว่าจะสมัครสมาชิกต่อ

ตัว Primetime สามารถดูได้ทั้งบน iOS / Android แล้วก็บน Desktop นะครับ ทุกทีผมจะดูผ่าน App แต่การเขียนรีวิวครั้งนี้ ขอใช้แบบ Desktop เพราะว่า เครื่องมือในการจับภาพและตรวจสอบมันครบเครื่องกว่า

เวลาเราจะกดดูหนังเรื่องใดๆ ก็จะมีรายละเอียดว่า ความยาวหนังกี่นาที มี Sub ภาษาอะไรบ้าง ตัวอย่างหนังเป็นยังไง แล้วก็หนังที่ใกล้เคียงกัน เผื่อเราสนใจเรื่องอื่นๆด้วย

ตัวหนัง รองรับเสียง อังกฤษและ ไทย รวมไปถึง Subtitle อังกฤษและไทยด้วย ตัว Sub มาตรงปาก เท่าที่ดูคือ ไม่ค่อยเพี้ยนเท่าไหร่ ความชัดของภาพเป็น 720p เป็นแบบ Variable Bitrate ครับ เคยทดสอบดูบนมือถือผ่าน 3G เวลาที่ Internet กระตุก ตัวภาพก็จะปรับความคมชัดลง เพื่อให้การดูหนังลื่นไหลครับ

ผมลองใช้ NetPerSec ในการจับ Bandwidth ที่ใช้ไป ค่าเฉลี่ยคือประมาณ 1.3 – 2 Mbps ครับ ลื่นๆ กำลังดี

แล้วก็การรับชมผ่าน Browser บน PC จะต้องปลดล็อคตัว Pop Up Block ด้วย หลายคนเปิดบน Browser จะเจอปัญหานี้ ทำให้ดูไม่ได้ ก็กดแก้ไขตามนี้ไปเลยนะครับ

ทาง Primetime จะให้เราเอาอุปกรณ์มาใช้กับ Primetime ได้ 3 ตัวด้วยกัน ซึ่งถ้าเกินจากนี้ระบบจะถามว่าจะให้เอาอันไหนออก ก็เอาออกไปซักตัวครับไม่มีอะไร ผมเองมีอุปกรณ์เยอะ เอาเข้าเอาออกได้เรื่อยๆ

ข้อสังเกตเล็กน้อย

หนังบางเรื่องยังไม่มี Sub Thai อย่างเรื่อง Days of Thunder นี่ ผมอยากดูมาก ดันไม่มี Sub Thai มีแต่ Sub Eng ฮือๆ

 

 

ค่าบริการของ Primtime มีอยู่ 4 pack หลักๆด้วยกัน

• Combo Buffet  : ดูหนังในหมวดบุฟเฟ่ต์ และ Series ได้แบบไม่อั้น และมี ตั๋วสำหรับเช่าหนัง Premier เดือนละ 2 ใบ ราคาเดือนละ 549 บาท แต่ถ้าซื้อรายปีจะเหลือเดือนละ 399 บาท x 12  เดือน = 4,788 บาท
• หนังใหม่ + บุฟเฟ่ต์ : Package นี้จะสามารถดูหนังในหมวดบุฟเฟ่ต์ได้ และจะมีตั๋วสำหรับดูหนัง Premier ให้ 2 ใบ ซึ่งรายเดือนคือเดือนละ 299 บาท ถ้ารายปี ก็ 299 บาท x 12 เดือน = 3,588 บาท ไม่ได้มีส่วนลดอะไร
• TV Series Buffet : ดูหนัง Series ได้ ราคาก็เท่ากับชุด หนังใหม่ + บุฟเฟ่ต์
• Movie Buffet : ดูหนังบุฟเฟ่ต์อย่างเดียว เดือนละ 199 บาท ถ้าซื้อรายปี ก็ 199 บาท x 12 เดือน = 2,388 บาท ไม่ได้มีส่วนลดเช่นเดียวกัน
• การชำระเงินทำได้หลายช่องทาง มีทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ผมจ่ายผ่านบัตรเครดิตเอานี่แหละง่ายดี ส่วนใครที่สะดวกแบบอื่นก็มีให้เลือกเยอะ เช่น Counter Service ก็ได้ , จ่ายผ่านธนาคารก็ได้ , Internet Banking ก็ได้ หรือไปซื้อบัตร Redeem Code ได้จากร้านค้าเช่น ร้าน DNA , Banana IT , iStudio by Com7

สำหรับคนที่ไม่รู้ว่าจะซื้อ Package ดีไหม ลองไปทดสอบคุณภาพได้ครับ ทาง Primetime มีหนังฟรีให้เราดู 5 เรื่องครับ

หลังจากที่ดูมาประมาณ 1 เดือน ขอสรุป ความรู้สึกในการใช้งาน Primetime ดังนี้นะครับ

• การดูครั้งแรก จะมีการเช็คและลงทะเบียนเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น มือถือ หรือ Tablet ดังนั้น ตอนกดดูหนังครั้งแรก แล้วเห็นมันหมุนๆๆๆๆ อยู่ก็รอมันซักหน่อยครับ
• ผมดูหนังจาก Primetime บ่อยมากขึ้น เพราะว่า อยากดูก็กดดูได้เลย ไม่เหมือนตอนสมัยโหลดบิท คือต้องรอโหลดให้เสร็จก่อน เพราะหนังบางเรื่อง มันอยากจะดูเดี๋ยวนั้นเลย ช่วงนี้เลยใช้เวลาก่อนนอน ดูหนัง 1 เรื่อง จบปั๊บ หลับสบายครับ
• ช่วงเดือนที่ผ่านมา ผมไม่ได้โหลดบิทอีกเลย ก็งงดีเหมือนกัน เพราะเปลี่ยนนิสัยไปเลย แต่กลายเป็นว่าระบบ Video Streaming ช่วยผมในการเลิกโหลดบิทได้ครับ
• ถ้าอยากจะดูผ่าน มือถือหรือ iPad แนะนำว่าให้ใช้หูฟัง จะทำให้บรรยากาศในการรับชมดีขึ้นแบบต่างกัน ฟ้ากะเหววววว อันนี้เพราะไปฟัง Present ในงานเปิดตัวมา เห็นว่าได้ลิขสิทธิ์ DTS Headphone X ทำให้การฟังด้วยหูฟัง จะสร้างมิติเสียงได้เหมือนกับระบบ Home Theater เลยครับ แต่ยังใช้งานได้แค่บน Android ส่วนบน iOS ต้องรออีกแปบ T_T
• สำหรับคนที่ไม่ถนัดเมนูภาษาอังกฤษ สามารถกดเปลี่ยนให้เป็นภาษาไทยได้นะครับในหัวข้อ Setting
• โดยส่วนตัว ผมคิดว่า Package หนังบุฟเฟ่ต์ 199 บาท นี่น่าซื้อติดเครื่องไว้เป็นที่สุดครับช่วงไหนว่างๆ ก็กดดูซักเรื่องก่อนนอน เดือนนึงดูแค่ 5-6 เรื่องแค่นี้ก็คุ้มค่าแล้ว ไม่ต้องดูจนหมดก็ได้ครับ ฮ่าๆ

ถ้าสนใจบริการ Primetime ก็ไปดูรายละเอียดได้ที่ https://app.goprimetime.tv นะครับ

หรือดูรายละเอียดจาก Facebook : www.facebook.com/goprimetime.tv

ถ้ามีปัญหาในการใช้งานทาง Primetime ก็มี Call Center ให้โทรไปสอบถามด้วยที่หมายเลข : 02-657-5353

• Facebook
• Twitter
• Line