ปัญหาของคนที่เลี้ยงหมาในคอนโดแบบผม ก็คือขนหมาจะปลิวกระจายรอบบ้าน ชนิดที่ว่า นั่งตรงไหนก็เจอ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมจะทำความสะอาดบ้านด้วยหุ่นยนต์ทำความสะอาด iRobot อยู่แล้ว ข้อดีของพวก iRobot ก็ไม่มีอะไรมาก พื้นสะอาดโดยที่ไม่ต้องใส่ใจมาก มันวิ่งของมันทุกวันสบายดี แต่พื้นที่นอกจากพื้นนี่ ไม่รู้จะไปทำความสะอาดยังไงจริงๆครับ
สุดท้ายทางออกของการทำความสะอาดบ้านก็ยังคงต้องใช้เครื่องดูดฝุ่นช่วยเหมือนเดิม แต่ปัญหาก็คือ ไอ้เครื่องดูดฝุ่นแบบเก่าที่เราใช้กัน มันโคตรหนัก ลำบากลากสายไปมารอบห้อง ซึ่งความรู้สึกที่ต้องลากเครื่องดูดฝุ่นไปตามบ้านแล้วสายไฟมันไปติดโน่นนี่ ผมเชื่อว่าพ่อบ้านหลายท่านน่าจะเข้าใจ แถมไอ้ก้านสำหรับดูดบางทีก็สั้นไป แต่ท่อก็อย่างยาก การจะยกขึ้นไปดูดจุดที่อยู่สูงๆของบ้าน นี่แบบโคตรทรมาณ สุดท้ายเลยเป็นเรื่องงานเข้าต้องไปหา เครื่องดูดฝุ่นที่มีน้ำหนักเบาและสามารถให้ที่จะยกเพื่อทำความสะอาดตามจุดต่างๆของบ้านได้ง่ายๆ หลังจากที่เดินไปเดินมาอยู่นาน ก็มาโดน Dyson Fluffy DC74 ตัวนี้แหละครับ
ถ้ายังจำ Blog เก่ากันได้ ผมเคย รีวิว พัดลมไร้ใบของ Dyson ไป ซึ่งหลังจากที่ลองทำการบ้านบวกอ่านข้อมูลของท่านเซอร์ไดสันเลยทำให้สนใจเทคโนโลยีของสินค้าแกมากขึ้น เพราะพี่แกให้อารมณ์เหมือน Tony Stark ของวงการเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านยังไงชอบกล และสินค้าสร้างชื่อของแกก็คือ เครื่องดูดฝุ่นที่ไม่เหมือนใครนี่แหละครับ ลองนึกดูสิครับ สร้างเครื่องดูดฝุ่นและเทคโนโลยีระดับ Advance มากมาย จนได้รับตำแหน่งท่านเซอร์จากสมเด็จพระราชินีอังกฤษเลยนะ มันธรรมดาซะที่ไหนกันล่ะเนี่ย
Dyson Fluffy เป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สายที่ทำงานผ่าน Battery .. แต่หลายคนที่เคยใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบพกพามาก่อนอาจจะพบเจอปัญหานั่นก็คือ มันเอาไว้ดูดขำๆในที่เล็กๆเท่านั้นแหละ หวังผลใช้งานระดับดูดฝุ่นในบ้านไม่ได้หรอก พลังมันไม่ถึง แต่ผมอยากจะบอกเลยว่าเจ้า Dyson Fluffy DC74 ตัวนี้มันไม่ธรรมดาครับ เพราะหลังจากที่ทดลองใช้งานบวกอ่านข้อมูลเรื่องเบื้องหลังการวิจัยเจ้าเครื่องดูดฝุ่นตัวนี้ แทบจะต้องกราบชาบูอูราให้ทีมวิศวกรเลยล่ะครับ
https://www.youtube.com/watch?v=yajwmhe96pg
อย่างแรกเลย สิ่งที่ทำให้เจ้านี่มีแรงดูดมหาศาลก็คือ มอเตอร์บวกเทคโนโลยีด้านแอโร่ไดนามิกและความรู้ด้านวิศวกรรมจำนวนมากของทีมงาน Dyson ที่สร้างให้มอเตอร์ตัวเล็กๆขนาดนี้ ปั่นได้ด้วยความเร็ว 110,000 รอบต่อนาที ซึ่งถ้าเทียบกับมอเตอร์ของเครื่องดูดฝุ่นที่มีขนาดเท่ากัน พวกนั้นหมุนด้วยความเร็วแค่ 25,000 รอบต่อนาทีเท่านั้นเอง และด้วยน้ำหนักของมอเตอร์ที่เบามาก เลยทำให้มันกลายเป็นเครื่องดูดฝุ่นพกพาที่มีกำลังดูดแรงโคตรๆนั่นเองครับ เสียงตอนเปิดเครื่องนี่อย่างกะเครื่องบินเจ็ต!!
นอกจากนั้นยังไม่พอ หลังจากที่มอเตอร์ทำการสร้างแรงดูดแล้ว ในตัวแชมเบอร์ทาง Dyson ได้ใส่เทคโนโลยีที่ชื่อ 2 Tier Radial™ เข้าไปด้วย ซึ่งเจ้าท่อไซโคลนขนาดเล็กๆนี่ จะช่วยให้พลังในการดูดฝุ่นแรงต่อเนื่องตลอดการทำงานครับ ลองจินตนาการถึงการดูดฝุ่นจากเครื่องดูดฝุ่นทั่วไป มอเตอร์จะทำงานอยู่หลังสุด สร้างแรงดูด เพื่อดูดฝุ่นเข้ามา และฝุ่นก็จะติดอยู่กับ Filter ดังนั้น เมื่อดูดไปซักพัก กำลังในการดูดจะลดลงเนื่องจากฝุ่นอัดเต็ม Filter นั่นเอง
https://www.youtube.com/watch?v=3Qcj8i1NLEE
ระบบ 2 Tier Redial ของทาง Dyson จะช่วยสร้างแรงลมหมุนเหมือนพายุเล็กๆในตัวแชมเบอร์ที่ใช้ดูดฝุ่น เพื่อปั่นให้ฝุ่นตกลงมายังถังเก็บฝุ่นและไม่ทำให้แรงดูดฝุ่นลดลงนั่นเองครับ
อีกเรื่องที่รู้สึกว่า Dyson นี่บ้าพลังมากคือ จำนวนหัวต่อสำหรับแปลงร่างในการใช้งานโหมดต่างๆครับ คือ จะมุมเล็กใหญ่ ช่องเลี้ยวยากแค่ไหน พี่แกมีหมด แต่หัวต่อยังสามารถต่อได้ทุกระยะของตัวท่อด้วย จะเสียบหัวไหนเข้ากับตัวที่ดูด หรือ ต่อเพิ่มระยะกับท่อก็ทำได้เลย
ในบรรดาหัวดูดฝุ่นทั้งหมด เจ้านี่ Fluffy นี่คือหัวที่เทพที่สุดครับ มันเป็นหัวที่ทำจากไนล่อนทอนุ่มที่ผสานกับเส้นใยคาร์บอนไฟเบอร์ เพื่อป้องกันไฟฟ้าสถิตนั่นเอง เป็นหัวที่ทาง Dyson วิจัยแล้วว่าสามารถที่จะเกี่ยวเอาเศษขยะ ฝุ่น ผง ทุกรูปแบบขึ้นมาจากพื้นได้อย่างง่ายดายมาก ตอนผมเห็นหัวแปรงครั้งแรกผมนี่นึกว่า Optimus Prime แปลงร่างมาก สีอย่างใช่อ่ะ
ซึ่งขนหมาเนี่ย มันเป็นของที่เครื่องดูดฝุ่นดูดขึ้นมาได้ยาก เอาแค่พื้นธรรมดา มันก็ดูดไม่ค่อยขึ้นแล้ว อาจจะเพราะว่าขนหมามันจะเหมือนมีอะไรที่ทำให้เกี่ยวติดพื้นอยู่ด้วย ยิ่งพรมไม่ต้องพูดถึง แทบจะดูดไม่ขึ้น ต้องเอาพรมไปตบๆ หวดๆ ตรงระเบียงเพื่อให้ขนหมาหลุดร่วงลงมาแทน แต่กับเจ้าหัว Fluffy ผมใช้ดูดขนหมาจากบนโซฟาเลยครับ
อันนี้เป็นวีดีโอทดสอบการใช้หัวดูด Fluffy กับการดูดขนหมาจากที่นอนพวกมัน ทุกที ต้องลากเอาทีนอนไปตบตรงระเบียง แต่เนื่องจากเป็นคอนโด 16 ชั้น จะให้ตบฝุ่นจากฟากฟ้าไปลงหัวคนก็ใช่เรื่อง เลยต้องมานั่งดูดฝุ่นกันนี่แหละครับ ผมใช้เวลาประมาณ 30 วินาทีก็สามารถจัดการได้หมดนะครับ ไม่ได้เหนื่อยมากอะไร
ตัวเครื่องสามารถปรับโหมดการดูดได้เหมือนเปิดเทอร์โบครับ ถ้าเป็นโหมดทำงานแบบปกติ ตัวเครื่องสามารถทำงานได้ต่อเนื่อง 17-20 นาทีด้วยกัน แต่ถ้าคุณสับไก พร้อมกดปุ่ม Max ด้านหลังมอเตอร์มันจะเหมือนยิงไนตรัสแล้วเพิ่มกำลังดูดขึ้นไปอีก แต่ก็ต้องแลกกับจะใช้งานได้ต่อเนื่องเพียงแค่ 6 นาทีเท่านั้น
ตรงถังเก็บฝุ่นจะเห็นขีด Max อยู่ ซึ่งถ้าพวกฝุ่นหรือขยะสะสมจนสูงขึ้นระดับ Max ก็เอาไปเททิ้งเท่านั้นเองครับ
สำหรับการดูแลรักษาก็ค่อนข้างง่าย อย่างแรกเลยเวลาเราจะแกะเอาตัวถังเก็บฝุ่นไปทิ้ง ถ้าเป็นยี่ห้ออื่นเราจะต้องเอาถูง Filter ไปสะบัดๆ เทๆตรงถังขยะ แล้วฝุ่นก็ฟุ้งกระจายใช่ไหมครับ โคตรเกลียดความรู้สึกนั้นเลยนะ แต่ Dyson ได้ทำประตูสำหรับทิ้งขยะมาให้ที่ตรงถังเก็บฝุ่นเลย พอเต็ม ก็ปลดล็อค เปิดฝา แล้วเอาตัวเครื่องไปเคาะๆ ทิ้งฝุ่นออกตรงถังขยะได้เลย ทำให้ขั้นตอนการทิ้งขยะง่ายกว่าเดิมมากครับ
สำหรับ Filter ก็สามารถล้างน้ำทำความสะอาดได้เลยครับ ถ้าคุณดูดทุกวัน ก็ล้าง Filter เดือนละครั้ง สำหรับหัว Fluffy ก็สามารถแกะมาล้างทำความสะอาดได้ตามวีดีโอนี้เหมือนกัน
หลังจากที่ทดสอบใช้งานในฐานะพ่อบ้าน ก็พบข้อดีดังต่อไปนี้ครับ
- เป็นเครื่องดูดฝุ่นพกพา ไม่มีสาย เลยทำให้สะดวกมากในการใช้งานทำความสะอาด คอนโด ห้อง หรือในที่ๆเราเสียบสายไฟไม่ได้อย่างในรถอะไรแบบนี้
- หัวเปลี่ยนสารพัดประโยชน์ช่วยทำให้ดูดได้ทุกมุม หลักๆ ผมใช้หัวดูด Fluffy , หัวดูดท่อแหลมๆไว้ดูดตามซอก แล้วก็หัวเฉียงๆไว้ดูดตามขอบหน้าต่างครับ
- หลายคนอาจจะมองว่า ตัวมันทำงานต่อเนื่องได้ 20 นาทีเอง แต่เอาเข้าจริง ด้วยความที่มันใช้ง่าย ดูดแรง เลยกลายเป็นว่า เราใช้เวลาไม่เกิน 20 นาทีในการจัดการห้องของเราให้สะอาดครับ เวลาทำความสะอาดด้วยเครื่องดูดฝุ่นแบบเก่า ที่มันนานเพราะมาเสียเวลานั่งลากสาย กับลำบากลำบนในการยกมันขึ้นไปดูดในที่ต่างๆต่างหาก
- ล้าง Filter ได้ นี่ทำให้ประหยัดค่า Filter ไปได้มาก
- ดูดแรง แต่เสียงไม่ดังครับ เครื่องดูดฝุ่นบางรุ่น แรงมากก็จริง แต่เสียงก็อย่างกะรถแข่งมาวิ่งควอเตอร์ไมล์แถวบ้าน
- สำหรับพ่อบ้าน จัดไปเถอะคร้าบ เรายังมีงานบ้านอีกมากให้ทำ อย่ามาเสียเวลาดูดฝุ่นเลย