จริงๆ อยากจะเขียน Blog ตอนนี้ซักพักแล้ว เพราะถ้าเขียนไปตอนที่โปรโมชั่นของแต่ละค่าย กำลังออกมาโครมๆ คงช่วยให้หลายๆคน คลายความสงสัยในการใช้งานได้ ว่าจริงๆแล้ว ตัวเองจำเป็นต้องการใช้ เน็ต 100Mbps หรือเปล่า หรือจริงๆ แค่บ้าพลัง ใช้ไม่ถึงหรอก แต่อยากได้ มันสะใจดี (ผมก็คนนึงล่ะ)
ถ้ายังจำกันได้ ตอนเหตุการณ์ประมูลความถี่ 900 Mhz ที่ตอนนั้นทาง Jas เข้าร่วมประมูลไปแล้วดันราคาไปจบที่ 75,654 ล้านบาท แล้วหลังจากนั้น ก็ไม่ได้มาชำระเงินค่าประมูล ซึ่งกระแสใน Social Network ตอนนั้นก็มีกลิ่นว่าจะมีดราม่าละเลงใส่ทาง Jas แล้ว (จะละเลงทำม๊าย ยังไงก็โดน กสทช ปรับอยู่ดี) แต่ไปๆมาๆ ทาง 3BB ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของทาง Jas ก็เปิดตัวเน็ต Fiber ความเร็ว 100/30Mbps ในราคา 1,200 บาท จากกระแสที่กำลังจะดราม่าแล้ว ไปๆมาๆ กลายเป็นกระแสตีกลับ ส่งผลให้คนชื่นชม ว่าทำราคาแบบนี้ออกมาน่าติดตั้งจังเลย จนลืมๆกันไปแล้วว่าจะไปดราม่าใส่เค้า ฮ่าๆ
เอาเป็นว่าหลังจากที่ 3BB เปิดตัวเน็ต 100Mbps รายแรกออกมา ก็เป็นการกดดันให้หลายๆเจ้าออกโปรในความเร็วใกล้เคียงกันออกมา ทั้ง True Online และ AIS Fibre ต่างเข็นโปรโมชั่นออกมาสู้ และล่าสุด ทาง 3BB ก็ปิดเกมด้วย โปรโมชั่น 200/50Mbps ในราคา 1,200 บาท เป็นท่าไม้ตายสุดท้ายตายกันรอบวง
เอาล่ะครับ เรื่องสงครามโปรโมชั่นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ Operator เค้าไป มาดูปัญหาฝากผู้ใช้ของเรากันดีกว่า ว่า พอเราติดเน็ตความเร็ว 100Mbps ขึ้นไปแล้ว จะเจอปัญหาอะไรกันบ้าง
Speedtest แล้วได้ความเร็วไม่ถึง?
ต้นตอปัญหาที่ 1 : ทดสอบผ่าน WIFI มาตรฐานเก่า
ปัญหาโคตร Classic ของการติดตั้งเน็ตนี่แหละครับ ในสมัยก่อน ตอนเราติดความเร็วแค่ 10Mbps ยุค ADSL .. แค่จะเข็นความเร็วไประดับนั้นได้ยังแทบแย่ แต่ตอนนี้ พวกความเร็วระดับ 30-50Mbps ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกลัวอีกต่อไป เพราะ Operator แต่ละเจ้าได้เสริมกำลังทัพเครือข่ายภายในเป็นระดับ 10gbps กันเป็นว่าเล่นแล้วครับ ดังนั้นปัญหาส่วนใหญ่จะเป็นในข้างของผู้ใช้งานมากกว่า โดยการที่เราทดสอบ Speedtest แล้วความเร็วไม่ถึงก็เพราะว่า “พวกคุณทั้งหลายทดสอบกันบน WIFI ห่วยๆครับ”
ใช่ครับ WIFI ห่วยๆในที่นี้ ผมหมายถึง Notebook หรือ มือถือ ที่ยังไม่รองรับ ความถี่ 5Ghz หรือ ยังไม่เป็นมาตรฐาน WIFI AC นั่นแหละ
เพราะการที่คุณยังใช้ WIFI 2.4Ghz อยู่ ก็แปลว่า คุณมีโอกาสที่จะโดนคลื่นรบกวนจาก WIFI ข้างเคียงได้ แล้วสำหรับ WIFI พอมีคลื่นรบกวน ความเร็วก็ตกครับ ติดเน็ต 100Mbps มา แต่พอทำ Speedtest มันโชว์แค่ 50-70 Mbps บางคนไปได้แค่ 30Mbps เอง แล้วก็มานั่งงงว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ กด Speedtest ให้ดูตอนส่งมอบ มันได้ 100Mbps หว่า
นั่นก็เพราะเค้าทดสอบผ่านสาย LAN ไงครับ มันไม่โดนคลื่นรบกวนอยู่แล้ว ดังนั้น หากต้องการจะใช้ WIFI ให้ได้ความเร็วถึง 100Mbps … ก็รบกวนพิจารณาเปลี่ยน Wireless Router ที่บ้านให้รองรับมาตรฐาน WIFI AC … รวมไปถึงเปลี่ยนมือถือ / Notebook ของคุณให้รองรับ WIFI AC ด้วยนะครับ
ต้นตอปัญหาที่ 2 : Port ที่ใช้งานทำความเร็วได้ไม่ถึง
อันนี้จะเป็นปัญหากับกลุ่มลูกค้าของ 3BB ที่เคยติดตั้งความเร็ว 50-100Mbps มาก่อน แล้วอยู่ดีๆ ได้รับการอัพเกรดเป็น 200Mbps ในราคาเท่าเดิม แต่ทาง 3BB ก็ไม่ได้มาเปลี่ยนอุปกรณ์ให้ ซึ่งปัญหามันอยู่ตรงนี้แหละครับ นั่นก็คือ ช่วงแรกๆที่ทาง 3BB เอา Wireless Router ของ Huawei รุ่น HG8045a มาติดตั้งให้ เจ้า Wireless Router ตัวนี้ มีความเร็วที่ LAN Port อยู่ที่ 100Mbps เท่านั้น
ซึ่งถ้าเกิดอยู่ดีๆได้รับการอัพเกรด เป็น 200Mbps .. แน่นอน ความเร็วฝั่งสาย Fibre มันทำได้อยู่แล้ว เพราะว่าสายนี้รองรับความเร็วสูงสุดถึง 1.25 Gbps เลยทีเดียว แต่มันดันไปตายที่คอขวดตรง LAN Port ของอุปกรณ์ครับ ก็มีคนมาปรึกษาหลายคนเหมือนกัน ว่า โทรไปหา 3BB บอกว่าอัพเกรดเป็น 200Mbps แล้ว แต่ทำ Speedtest ยังไงก็ได้แค่ 100 Mbps เท่านั้น
ซึ่งต้นตอของปัญหาก็อาจจะเป็นเรื่องนี้ก็ได้นะครับ ยังไงถ้าคุณใช้ความเร็วเกิน 100Mbps … ก็ตรวจสอบ Wireless Router ที่ใช้ด้วยว่า ความเร็วของ Interface ต่างๆ เช่น LAN / Wireless นั้น ทำความเร็วได้เกิน 100Mbps หรือเปล่า เอาเข้าจริง ถ้าใช้ความเร็วแค่ 100Mbps ก็ต้องให้รุ่นใหม่ที่เป็น Huawei HG8245 ที่มี LAN Port เป็น Gigabit กันแล้ว เพราะในความเป็นจริง Port แบบ 100Mbps เนี่ย ก็จะติดเรื่อง Header หรือคลื่นรบกวนบนสายที่ทำให้ความเร็ววิ่งไม่ถึง 100Mbps อยู่ดีนะครับ
ต้นตอปัญหาที่ 3 : Throughput ของอุปกรณ์เน็ตเวิร์คที่ใช้ ถึงหรือเปล่า?
ค่า Throughput คือ จำนวน Transaction / Request ที่อุปกรณ์นั้นๆ จะสามารถทำได้ครับ ซึ่งค่านี้ถ้านำมาใช้ในอุปกรณ์เน็ตเวิร์คก็หมายถึง เมื่อ Data วิ่งผ่านตัวอุปกรณ์นั้นๆ แล้วประมวลผลเสร็จแล้ว ความเร็วที่ได้จะออกมาเท่าไหร่นั่นเอง
ดังนั้น ถ้า Data วิ่งเข้าอุปกรณ์ แล้วประมวลผลเยอะ เช่นมี Firewall หรือ ทำ QoS ผ่าน Wireless Router ตัวนั้น Bandwidth ที่ทำได้ ก็จะลดลงไปด้วย ตามประสิทธิภาพของ CPU/RAM ที่อุปกรณ์ตัวนั้นมี ซึ่งพวกอุปกรณ์เน็ตเวิร์คทั่วๆไปที่ทาง Operator ติดตั้งให้ตามบ้านจะไม่ค่อยมีความสามารถมากเท่าไหร่ แค่ทำ NAT / Port Forward แล้วก็ Firewall ได้นิดหน่อยเท่านั้น แต่เนื่องจากตัวมันเองก็ CPU น้อย แรมน้อยอยู่แล้ว แล้วใครที่ทำ Port Forward เยอะๆ หรือมีกฏ Firewall มากๆ ใน Wireless Router ตัวนั้น ความเร็วก็ตกหมดครับ
นี่ขนาดผมทำระบบให้ลูกค้า โดยเลือกเอา Mikrotik รุ่นที่สูงหน่อยมาติดตั้ง แล้วก็ประเมินเอาไว้ว่า Internet ของลูกค้า น่าจะยังไม่น่าขยับขยายตัวด้วยความเร็วมากนัก พอ 3BB / True / AIS ขยับตามกันหมด ไปๆมาๆ ระบบที่ติดตั้งให้ลูกค้าไป ก็ทำความเร็วได้ไม่ถึง ก็ต้องทำ Speedtest ให้ดู แล้วก็ให้ดู CPU ว่า มันวิ่งไปไม่ถึงจริงๆนะครับ มีเจ้านึงติดเน็ต 200Mbps มา แต่อุปกรณ์ ดันได้เต็มที่แค่ 120Mbps .. อันนี้โชคดีที่ลูกค้าเข้าใจ แล้วก็ระเวลาทำเรื่องเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ให้รองรับ 200Mbps ได้
ซึ่งว่ากันตามจริง Internet ที่เร็วกว่า 100Mbps มันเป็นอะไรที่ผมประเมินเอาไว้ว่า มันน่าจะลงมาทำราคาให้จับต้องได้ ในเวลาประมาณ 3-5 ปีข้างหน้า แต่พอ 3BB ระเบิดโปร แล้วเจ้าอื่นตาม กลายเป็นว่า เกมเปลี่ยน ผมต้องไล่แก้ไข Config และ ต้องรีบโทรไปแจ้งให้ลูกค้าที่อยู่ดีๆ ได้รับการอัพเกรดฟรีว่า ความเร็วมันอาจจะยังไม่ถึง เพราะ Throughput นะคร้าบ
ซึ่งสำหรับ อุปกรณ์ที่ราคาไม่เว่อร์มากอย่าง Mikrotik ถ้าอยากทำ Firewall Rules ให้มันเหมาะสมกับองค์กร แต่ทำความเร็วได้ระดับ 200Mbps ขึ้นไป ยังต้องใช้รุ่น CCR1009 ที่เป็นรุ่นเล็กสุดของกลุ่มท็อป ตัวเป็นหมื่นเลยนะครับ กว่าจะระเบิดความเร็วไปให้ถึง ดังนั้น ถ้าเป็นผู้ใช้ตามบ้าน เผลอๆ ติดเน็ต 200Mbps ไป จะใช้ถึงครึ่งหรือเปล่าเนี่ย
และทิ้งท้ายกับคำถามที่ว่าด้วย จริงๆแล้ว ถ้าเราติดเน็ต 200Mbps … เราจะใช้ถึง 200Mbps หรือเปล่า
อันนี้ผมเอากราฟความเร็วของลูกค้าผมที่ติดตั้งระบบ Internet ที่มีความเร็ว 100Mbps เข้าไป + คนใช้งานระดับ 30-50 คน นะครับลองดูกราฟแล้วถามใจตัวเองดูว่า จะติดเน็ต 100Mbps เนี่ย ใจเย็นๆนะ กราฟที่ผมเอามาให้ดูข้างล่าง เป็นสถิติที่บันทึกไว้ที่ 5 นาที / ครั้ง แล้วก็เอาสถิติ รายวัน กับรายสัปดาห์มาให้ดูครับ
กราฟนี้เป็นของ Co-Working Space ชื่อดังที่มี Startup เทพๆมานั่งทำงานเต็มไปหมด คนทำงานประมาณ 70 คนขึ้นไป ใช้งานเน็ตหนักมากๆ ความเร็วก็เฉลี่ยอยู่แถวๆ 15-30Mbps แล้วก็ Peak ไปแตะที่ 60Mbps แบบนานๆที
กราฟของ Agency ชื่อดัง มี Internet ใช้งานรวมทั้งหมด 250Mbps เอาเข้าจริง ใช้ความเร็วแถวๆ 17 – 30 Mbps เท่านั้น จะมี Peak นิดหน่อยก็คือเส้นสีน้ำเงินที่เป็นค่าอัพโหลด ซึ่งน่าจะอัพโหลดไฟล์วีดีโอแหงๆ พุ่งไปซะ 70 Mbps เลย
อันนี้ก็ของ Co-Working Space ชื่อดังมากของไทยเจ้านึง มีเน็ต 2 เส้น เส้นแรกเป็น True 100/30 Mbps อีกเส้นเป็น 3BB 200/50 Mbps มีคนใช้งานเฉลี่ย 50 คนตลอดเวลา เปิดเว็บ / Skype / ทำงานบน Cloud เป็นหลัก แต่ใช้ Bandwidth เฉลี่ยทั้ง 2 เส้น ก็อยู่ที่ 6 – 10 Mbps เท่านั้นเอง แล้วก็มี Upload พุ่งทะลุไปนิดหน่อย
อันนี้เป็นของบริษัทที่ทำเว็บ และมีการทำ Facebook Live และทำวีดีโอ Streaming ถ่ายทอดสดจากใน Office บ่อยมากครับ มีคนทำงานประมาณ 50 คน และ Internet ที่ใช้คือ True Fiber 200/50Mbps แต่ จะเห็นได้ว่า ความเร็วแตะ Peak ที่ 90Mbps อยู่แค่แปบเดียว แล้วที่เหลือก็ใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ 20 – 40 Mbps เท่านั้นเอง
อันนี้เป็น บริษัทที่เป็น Startup ชื่อดังมากของไทย มี Internet ความเร็ว 100/10 Mbps ครับ คนทำงานร้อยกว่าคน ทั้งโปรแกรมเมอร์ที่ต้องทำงานบน Cloud ตลอดเวลา ทั้งฝ่ายวีดีโอ Production ทำวีดีโอ แล้วก็ Live กันตลอด จะเห็นว่า ความเร็วก็วิ่งแถวเนี้ย 17 – 35 Mbps เท่านั้นเอง
จากเท่าที่ผม Monitor ดู ผมก็พบว่า ในความเป็นจริง ขนาดมีคนตั้งเกือบ 100 กว่าคนทำงานพร้อมๆกัน แถมยังทำงานออนไลน์ ทั้งดาวน์โหลด ทั้งทำ Facebook Live .. มันก็ใช้เน็ตกันเฉลี่ยไม่เกิน 50 Mbps เลยนี่หว่า แล้วอยากจะบอกว่า ทุก Office ที่ผมยกตัวอย่างมา ไม่มีที่ไหน Block Bittorrent หรือ Youtube นะครับ ทุกที่ค่อนข้าง Open ก็เลยเป็นคำถามให้ผมสงสัยว่า ต้องใช้ คนเท่าไหร่ และทำอะไรกัน ถึงต้องใช้เน็ต 200Mbps กันคุ้มค่า ฮ่าๆๆๆ
ปิดท้ายด้วยกราฟของบ้านตัวเองครับ บ้านผมเป็น True VDSL ความเร็ว 50/5 อยู่กับแฟน 2 คนกับอุปกรณ์เยอะแยะ ทั้ง Notebook / มือถือ / Apple TV และ แอปดูหนัง กราฟก็วิ่งอยู่แค่เนี้ย มีแค่ตอนเที่ยงคืน เมื่อคืนก่อน ที่แอบโหลดบิทเท่านั้นเองครับ ฮ่าๆ