Home -> Blog -> เล่าถึง Concert X-Japan Live in Bangkok ที่ไปดูมา

เล่าถึง Concert X-Japan Live in Bangkok ที่ไปดูมา

จริงๆเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับ Blog นี้เลย แต่ผมอยากจะบันทึกเอาไว้ซะหน่อย ว่าการได้ไปดู Concert ที่ผมตั้งไว้เป็นเป้าหมายชีวิตของผมครั้งนี้มันมีรายละเอียดเป็นยังไง เผื่อในอนาคต อีกซัก 10 – 20 ปี กลับมาอ่านจะได้จำรายละเอียดเรื่องนี้ได้อีกครั้งนึง ซึ่งขอให้ลืมภาพของอาจารย์ศุภเดชไปก่อน เพราะ Blog ที่คุณกำลังจะอ่านต่อไปนี้เป็นความวัยรุ่นของผมเอง

ผมรู้จักกับ X-Japan ครั้งแรก ก็ตอนประมาณ ม. 3 ที่เพื่อนแวะมาที่บ้านแล้วก็ติดเทปมาด้วยม้วนนึง มันเป็น Album ที่ 2 ของ X-Japan ที่ชื่อว่า Blue Blood ซึ่งชั่วโมงนั้นผมสารภาพตามตรง หลังจากดูหน้าปก หน้านักร้องทั้งวง และ ฟังเพลงแรกที่ชื่อ Blue Blood เข้าไป แทบจะเอาเทปปาหัวเพื่อน เพราะอยากจะบอกว่า เพลงมันบ้าระห่ำมากๆ แต่วันนั้นพอเพื่อนกลับบ้าน มันดันลืมเทปม้วนนี้ไว้ที่บ้านผม ทำให้ผมต้องเผลอฟัง ต่อจากเพลงแรกที่ค้างเอาไว้จนได้

หลังจากที่ฟังจนไปเจอเพลง Endless Rain ทำให้ผมเปลี่ยนความคิดที่มีต่อวงนี้ใหม่เลย ( ปล. ตอนนั้นเด็กมาก แถมยังฟังแต่พวก Pop เพราะบ้า Michael Jackson แทบไม่เคยได้ฟัง J-Rock มาก่อนเลย ) พอลองฟังดีๆ ผมพบว่า เพลงในอัลบั้ม Blue Blood นี่มันถูกจริต ผมมากๆ และผมเริ่มหลงใหลในตัว 2 คนของวงนี้ด้วยกันคือ Toshi และ Yoshiki สองผู้ก่อตั้งวงนั่นเอง

หลังจากที่ลองติดตามเพิ่มเติม ผมก็ยอมรับเลยครับว่า  ผมกลายเป็นสาวก J-Rock ไปแล้วเรียบร้อย จากนั้นก็หาเพลงจากอัลบั้มอื่นมาฟังบ้าง และ ย้ายไปฟัง J-Rock วงอื่นๆเช่น Luna Sea , Glay , L’arc-en-Cial อะไรแบบนี้ แต่ยังไง X-Japan ก็เป็นอันดับหนึ่งในใจ

พอหาเพลงมาฟังก็เลย อยากดู Concert ตอนนั้นที่สยามมีร้านขายเพลงและวีดีโอจากญี่ปุ่น ชื่อว่า อิชิมารุ ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ย้ายหายไปไหนแล้ว ตอนนั้นมี ม้วนวีดีโอ Concert X-Japan ที่เล่นที่โตเกียวโดม ชื่อว่า On The Verge of Destruction ซึ่งเป็น Concert ของปี 1992 ..ขายโคตรแพง เพราะตอนนั้นยังอยู่ปี 1 ที่ ABAC เองครับ ม้วนละ 500 มั้ง แล้วดันมี 2 ม้วนด้วย  พอเอากลับมาเปิดดูที่บ้าน  ชั่วโมงนั้นผมขนลุกวาบกับ พลังของแท้ที่ออกมาใน Concert ….

เสียงร้องสูงปริ๊ดของ Toshi , เสียงกลองบ้าพลังของ Yoshiki , เสียงกีต้าร์โรคจิตของ HIDE .. ทำเอาผมติดงอมแงมเลย และ ตั้งเป้าไว้ในใจว่า ชาตินี้ กรูจะขอไปโดด X-Jump ในงาน Concert ของ X-Japan ซักครั้งในชีวิต (ใครอยากรู้ว่า X-Jump เป็นไงก็กดดูคลิปนี้เอาละกันนะครับ แล้วจะได้เห็นพลังของ X-Jump แบบ 5 หมื่นคน)

http://www.youtube.com/watch?v=9rLgddhWJL8

ซึ่งเมื่อตอนปี 1997 … Toshi นักน้องนำตัดสินใจลาออกจากวง และ Yoshiki ไม่ขอทำวงต่อ เพราะเพลงทั้งหมด ถูกแต่งขึ้นมาด้วยอิมเมจเสียงของ Toshi ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นก็ร้องไม่ได้แบบนี้ ดังนั้น การแสดง Concert ครั้งสุดท้ายที่เรียกว่า Last Live ก็ต้องถูกจัดขึ้น

ชั่วโมงนั้น พอผมได้รับข่าว ซึ่งตอนนั้นกำลังอยู่ปี 3 ที่ ABAC ถึงกับหงายหลัง เรียกได้ว่า ความฝันที่จะได้ไปโดด X-Jump ในงาน Concert หายไปทันที แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ เอาวะ พวกนักร้องวงเก่าๆมันยังมี Reunion กันเลย ดูอย่าง The Eagle สิ กว่าจะ Reunion กันก็ตั้ง 16 ปี ถึงตอนนั้น ผมก็เริ่มทำงานแล้ว และอาจจะมีตังค์ไปเยือนญี่ปุ่นและโดด X-Jump กะเค้าบ้างก็ได้

ถัดมาไม่กี่เดือน HIDE .. ซึ่งเป็น Lead Guitarist ก็เสียชีวิต…

งานนี้ เลิก… แทบไม่เหลือซึ่งเศษเสี้ยวของความฝันครั้งนี้ ทำใจแล้วก็นานๆทีก็หยิบแผ่น Concert มาเปิด  แล้วพอถึงเพลง X ก็จินตนาการเล็กๆเอาว่าไปโดดกะเค้าด้วย

ซึ่ง ผมก็แทบจะลืมความฝันนี้ไปแล้ว จนเมื่อประมาณ ปี 2008 .. มีการประกาศว่า X-Japan จะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ผมได้ยินข่าวลือมาใน Internet ก็แอบลุ้นในใจ เอาแล้วเว้ยๆๆๆๆๆ แต่ก็ยังแอบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จนกระทั่งเป็น PV ที่ Yoshiki ทำให้กับหนังเรื่อง SAW ภาค 4 กับเพลงชื่อ I.V. ชั่วโมงนั้นแหละ บ่อน้ำตาแตกเลย ไม่อยากเชื่อว่าฝันจะกลับมาอีกครั้ง

และมีลุ้นอยู่ 2 อย่างคือ จะมี World Tour ในกรุงเทพไหม หรือ ถ้ามีที่อื่น มันใกล้ที่สุดที่ไหน จะเก็บตังค์ไปดูเลย

ซึ่งแน่นอนครับ มีกรุงเทพอยู่ในรายชื่อ World Tour ด้วย ผมดีใจแทบกริ๊ด เพราะการที่ Concert ในไทย นั่นหมายถึงการ Feeling มันจะเต็มๆกว่า เพราะมีเพื่อนคนไทยด้วยกันที่ชอบ X-Japan อีกเพียบ รวมไปถึงพวก เพลงพิเศษๆอะไรแบบนี้

ปรากฏว่า พี่เสื้อเหลืองบุกยึดสนามบิน .. จนทำให้ Concert ยกเลิก

ตอนนั้นคิดในใจ อะไรกันนักกันหนาวะเนี่ย แค่อยากดู Concert แค่นี้ เลยเปลี่ยนเป้าหมาย ไปดู Concert ประเทศอื่นก็ได้วะ

จนสุดท้ายวันที่ 08/11/2011 ที่ทาง BEC Tero ประกาศนำ X-Japan มาแสดง Concert ในประเทศไทย ความหวังครั้งใหญ่ก็กลับมาอีกรอบ  งานนี้ผมและเพื่อนแหกขี้ตาไปจองบัตรกันตั้งแต่ ตี 4 พร้อมจัดบัตรราคา 6,000 บาท เพื่อสนองตัณหาที่คั่งค้างมากันหลายปีครับ รายละเอียดเพิ่มเติม อ่านต่อได้ที่ Blog ของ @khajochi นะครับ

ปล. ตอนที่ซื้อตั๋ว Concert มาแล้ว ยังจะต้องมานั่งลุ้นน้ำท่วมอีก.. แต่ยังดีที่ Concert ไม่ยกเลิก

เอาล่ะครับ เกริ่นมาขนาดนี้ ขอเล่าถึงบรรยากาศวันงาน Concert ที่เป็นเนื้อหาหลักของ Blog ตอนนี้ดีกว่า (ฮ่าาาาา)

วันที่ 8 ซึ่งเป็นเช้าของวัน Concert … ผมตื่นมาด้วยความงัวเงียมาก เพราะดันตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เชื่อไหมครับ ว่าอายุ 33 แล้ว ยังมีอาการตื่นเต้นเพราะอะไรแบบนี้เป็นเด็กๆอยู่อีก

ผมนัดกับเพื่อนที่เป็นแฟน X-Japan อีก 2 คน นั่นก็คือ @freoniel และ @mrmeaw แล้วเราก็เคลื่อนพลกันไปที่ Impact Arena ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน Concert ครั้งนี้ครับ แน่นอน แหกปากร้องเพลงของ X-Japan กันในรถอย่างกะเป็นเด็กๆ

เราออกกันตั้งแต่บ่าย 2 โมง เพราะผมอยากจะได้ทางหนีทีไล่ เพราะไม่รู้สถานการณ์น้ำแถวนั้นเป็นยังไง รวมไปถึง อยากจะไปสัมผัสบรรยากาศก่อน Concert ด้วย และแน่นอน ประกาศโดดรายการ แบไต๋ ไฮเทคล่วงหน้าตั้งกะเดือนสิงหาคมกันเลยทีเดียว ผมไปทางด่วนเส้นแจ้งวัฒนะ แต่รถก็ติดชิปเป๋ง ไม่รู้จะไปดู Concert กันหมดนี่หรือเปล่าเนี่ย??

พอมาถึงหน้างานก็มี แม่ค้ามาขายแท่งไฟ , รูปถ่ายสมาชิกวง และของอื่นๆอีกเพียบ

ผมเองก็สอย LightStick มาด้วยสองอัน แน่นอน เอามาทำท่านี้ใน Concert นั่นเอง

หน้างานมีบูทขายของที่ระลึกของ Concert ซึ่งราคาแพงมาก เสื้อยืดตัวละ 1,000 … Jacket ตัวละ 1,800 .. และของอื่นๆอีกเพียบ ซึ่งทาง BEC Tero ฉลาดมาก ที่ให้รูดบัตรได้ครับ โอ้โห ผมเองของถอยของกันแบบไม่คิดชีวิตกันเลยทีเดียว ซึ่งผมก็สอย เสื้อยืดมาตัวนึง กับหมวกแล้วก็ Dogtag X-Japan ครับ

ราคาของในงาน อ่อก แทบกระอักเลือด

งาน Concert ครั้งนี้เป็นการรวมตัวสาวก J-Rock ในไทยเมื่อสิบปีก่อนกลับมาอีกครั้งเลยครับ เพราะงานนี้ผมเห็น คุณแม่วัยสาวหลายๆคน แต่งตัว Visual Rock กันเต็มงาน รวมไปถึง Cosplay เป็นสมาชิกในวงด้วย ฮ่า ทุกคนในงานเป็นสามสิบวัยสาวกันหมด

และทาง BEC Tero ก็เอาป้ายนี้มายั่วน้ำลาย สาวก J-Rock ด้วยการบอกว่า L’arc-En-Cial จะมา Concert ปีหน้า เดือนมีนาคมนะจ๊ะ .. โอย หาเรื่องเสียเงินอีกแล้ว

แน่นอน มาถึงก็ต้องถ่ายกับป้ายแสดงความเป็น X-Japan กันซะหน่อย

เมื่อถึงเวลา 19.00 ทางทีมงานก็เริ่มเปิดประตูให้แฟนๆเข้าไปใน Impact Arena ครับ ผมอยู่โซน X2 ต้องเข้า Gate 4 …

ที่นั่ง R21 .. ริมทางเดินตรงกลางเป๊ะ ตำแหน่งเยี่ยมทั้งการชมและการเชียร์

ขอวอร์มกันซักเล็กน้อย

ซึ่งช่วงที่กำลังรอให้ใครต่อใครเข้ามานั่งกันใน Impact ให้เรียบร้อยก็นานมว้ากกก เลยทีเดียว ซึ่ง ระหว่างนั้น ก็จะมีทีมงานมา Setup กีต้าร์และเบส  แบบว่า พอทีมงานดีดทีนึง ก็กริ๊ดกันทีนึง ฮ่า ก็เข้าใจความรู้สึกอ่ะนะว่าอั้นกันมานาน

และทันทีที่ปิดไฟปั๊บ ทั่วทั้งฮอลก็กริ๊ด แบบ Impact สะเทือน พร้อมแท่งไฟ และ มือของใครหลายๆคนที่ไขว้มือเป็นรูปกากบาท เพื่อต้อนรับวงที่เรารอกันมานาน

บอกตามตรงว่าเป็นภาพที่สวยมาก ผมเก็บภาพมาได้ประมาณนี้ เพราะเอาเข้าไปได้แค่กล้องมือถือเองครับ

ทันใดนั้น โยชิกิก็ปรากฏตัวที่กลอง พร้อมเสียงกริ๊ดสะเทือนฮอลอีกรอบ และตามมาด้วยสมาชิกในวง ทั้ง Toshi , Heath , Pata และ Sugizo ครับ ชั่วโมงนั้น ผมตกใจมากที่น้ำตามันไหลออกมาเองไม่อยากเชื่อว่าเราจะเป็นไปได้มากขนาดนี้เหมือนกัน

 

เพลงแรกที่ใช้เปิด Concert คือเพลง Jade ครับ เป็น Single ใหม่เมื่อปี 2010 และแน่นอน สาวกทุกคนทำการบ้านมากันอย่างดี ร้องกันได้หน้าตาเฉยๆชนิด X-Japan ยังต้องงง

ส่วนตัวผมเอง ก็กระโดดโยกหัว ร้องตามกันสุดฤทธิ์ และไม่อยากเชื่อเลยว่า ถึงแม้ว่าจะเห็น Yoshiki ตีกลองในวีดีโอมาหลายครั้ง พอมาเจอของจริงระเบิดพลังใส่หน้าจังๆ มันทำให้เข้าใจเลย ว่า ของจริงๆที่มันอยู่ตรงหน้านี่มันมีพลังมากกว่ากันระดับระเบิดนิวเคลียร์เลยทีเดียว

จบเพลง Jade ก็ต้องกันด้วย Rusty Nail .. เพลงสุดมันส์จากอัลบั้ม Dhalia ซึ่งเพลงนี้ก็ขึ้นแท่นเพลงสุดมันส์ของแฟน X-Japan หลายๆคนเหมือนกันครับ ผมและเพื่อน พึ่งจะแหกปากจาก Jade เสร็จก็คลั่งต่อกันอีกรอบเลยทีเดียว

จบจาก Rusty Nail ก็ต่อด้วย Silent Jealousy .. ซึ่งผมช็อคด้วยความคลั่งเลยล่ะ เล่นเอาเพลงสุดมันส์ 3 เพลงติดยิงโจมตีกันต่อเนื่องแบบนี้ ไอ้แรงที่เราชาร์จมาสู้กับ Concert นี้ แปร๊บเดียว โดนดุดพลังเกลี้ยงเลยครับ ตะโกนหมด 3 เพลงนี้ เสียงคอผมหายไปเลย…

หมดสามเพลงนี้ ทาง Toshi ก็ทักทายทุกคน แน่นอน เป็นภาษาไทย ซึ่งต้องบอกว่า ทำการบ้านมาดีระดับนึงครับ คำว่า สวัสดีครับ สนุกไม๊ มันส์ไม๊ เอาอีกไม๊ มีมาเรื่อยๆ ดูแล้วรู้สึกว่าเค้าตั้งใจทำเพื่อแฟนๆชาวไทยมากเหมือนกัน จากนั้น Pata ก็มาโซโล่ Guitar โชว์เสียงโรคจิตกันซักเล็กน้อยแล้วก็เข้าเพลง Drain กันเลย โว้ววววว

ช่วงนี้ทาง X-Japan เริ่มเห็นว่าแฟนๆชาวไทยหอบแฮ่กๆแล้ว เพราะเล่นจัดเพลงเร็วต่อเนื่องกัน 4 เพลง ก็เลยส่ง Sugizo มาโซโล่ไวโอลิน โชว์ความพริ้วและความพริ้งของแก ซึ่งตอนที่ฟังผมก็พยายามฟังว่ามันเพลงอะไรหว่า แต่เห็นหลายๆคนบอกว่า มันเป็นเพลงเซิ้งหมอลำนี่แหละ ผมล่ะงง ไปหามาจากไหนครับเนี่ย เฮีย

โซโลไวโอลินเรียกเสียงแฟนๆ ไปซักพัก ทำนองมันดันกลายเป็นเพลงดังจากอัลบั้ม Blue Blood นั่นก็คือ Kurenai .. ตามด้วย Yoshiki มาแจมเปียโน แฟนๆที่คิดว่าจะได้พักซักหน่อย ทุกคนรู้คิวกันเลยว่าไม่ได้พักแพงๆ เพราะต้องโดดกันอีกแล้วววว

http://www.youtube.com/watch?v=m2y9Im6nLtU

จบเพลง Kurenai .. ตอนนี้โยชิกิ ก็คว้าไมค์มาทักทายแฟนๆชาวไทยกันบ้าง ด้วยกันพูดว่า ผมรักคุณ และ ผมรักทุกคน .. เชื่อว่าสาวๆในงานล้มลงไปตายเกลื่อน และที่ไม่น่าเชื่อเลย ก็คือ โยชิกิพูดนิ่มๆทักทายทุกคน แต่ป๋าพูดคำนึงมาว่า I Know you wait for this concert for a long time and Now We will fucking rock together แล้ว คนทั้งฮอลก็เฮ กันอีกรอบ เพราะป๋าแกเล่น Scream โรคจิตเรียกเสียงเชียร์กันทั้งฮอล

จากนั้นป๋าก็เดินไปที่เปียโน เพื่อ Intro ซิงเกิ้ลใหม่อีกเพลงนั่นคือ Born to be Free นั่นเอง โอย เพลงนี้ ผมอย่างคลั่งอ่ะ น้ำตาไหลพรากๆอาบแก้มกันอีกรอบเลย

เสร็จจาก Born to Be Free … คราวนี้ป๋าก็โซโลกลองระเบิดพลังนิวเคลียร์โชว์พลังกลองสองกระเดื่องกันอีกรอบ แต่ที่น่าเหลือเชื่อคือ โซโลกลองเสร็จ ก็วิ่งมาเล่นเปียโนเพลง บีโธเฟ่น .. เฮ้ย แล้วพอเล่นเสร็จก็กลับไประเบิดเสียงกลองโรคจิตอีกรอบ จากนั้นก็กลับมาที่เปียโนแล้วก็เล่นเพลง เดือนเพ็ญ ครับ โอ้โห อึ้งกันทั้งฮอล…พอเดือนเพ็ญเสร็จ ป๊าแกก็โดดกลับไปที่กลอง เพื่อทำระเบิดเสียงกลองบ้าพลังเรียกเสียงเชีนร์แฟนๆอีกรอบ แล้วก็โดดกลับมาเปียโนอีกที คนอะไรวะเนี่ย ประสาทสัมผัสมันจะเทพไปแล้ว

แต่คราวนี้ เปียโนที่เล่น เป็น Single ที่เรียกเอาสมาชิกทุกคนในวงกลับมารวมตัวกันอีกครั้งนั่นคือเพลง I.V. ครับ ซึ่งตรงนี้ผมประทับใจ Toshi มากๆเลย เค้าออกมาตะโกนภาษาไทยว่า ขอเสียงหน่อย ดังอีก ดังอีก Thailand มันฟังดูแล้วเหมือนเป็นพวกเดียวกันและใกล้ชิดกับคนดูมากๆ  แถมหลังจากนั้น Toshi ก็สอนร้องเพลง IV ในท่อนที่ทุกคนต้องช่วยกันร้องคลอด้วย

ถัดจาก IV .. คราวนี้ Yoshiki แกเริ่มปลุกระดมคนดู ด้วยการตะโกะ We Are… ไม่หยุด เพื่อเรียกพลังจากทุกคน ซึ่งถ้าใครเป็นแฟน X-Japan จะรู้ดีเลยว่าเพลงประจำวงกำลังจะมาแล้ว ซึ่ง Toshi ก็ประกาศว่า “This is the Last Song” อ๊าก ในที่สุดความฝันของผมก็จะเป็นจริงๆแล้วเพราะมันคือเพลง X นั่นเอง

และทันทีที่ขึ้นเพลง X .. ทั้งฮอลก็เหมือนจะถล่มเลยครับ เพราะนี่มันคือความฝันของใครหลายๆคนที่จะมาทำ X-Jump กันพร้อมกันแบบนี้ ผมหาคลิปเพลงนี้แบบดีๆจากใน Youtube ไม่ได้เลย ซึ่งก็ไม่แปลกใจเพราะทุกคนมันโดดกันหมด ชั่วโมงนั้นผมลากเอาแรงที่เหลือทั้งหมด พร้อมทั้งกระโดดสู่ฝันที่ผมรอมา 16 ปีเต็ม กับเพลงๆนี้  เรียกได้ว่าตอนนั้น ทุกคนในฮอลเหมือนรวมกันเป็นร่างเดียวแล้วระเบิดท่า X ออกไปพร้อมกันเลยล่ะครับ

จุดที่เป็น Peak สุดยอด คือตอนที่เพลงดำเนินมาถึงท่อนโซโล่ก่อนเข้าช่วงสุดท้ายและ Toshi แนะนำสมาชิกในวงทั้งหมด รวมถึง HIDE ที่เป็นสมาชิกตลอดกาลถึงแม้ว่าจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม และทุกก็โดนลากเข้าสู่ฮุคท่อนสุดท้ายของเพลง X …

ผมและเพื่อนโดนกันแบบไม่คิดชีวิต พร้อมส่งรังสีทาง X ของเราออกไปให้สูงที่สุด เป็นชั่วพริบตาที่ผมอยากจะให้หยุดเวลาไว้จริงๆนะเนี่ย

หลังจากที่เพลงนี้จบลง สมาชิกทุกคนก็กลับไปหลังเวที แน่นอน หากคนที่ดู Concert มาอย่างช่ำชองจะรู้ว่า นี่แหละคือเวลาอังกอร์ พวกเราในฮอลทั้งหมด ก็ทั้งปรบมือ, กระทืบเท้า , ตะโกนเรียก We Are X , ร้องเพลงประจำอังกอร์อย่าง Endless Rain จนสุดท้ายก็เล่นเวฟกันทั้งฮอล ทำกันขนาดนี้เท่าไหร่ก็ไม่ยอมออกมา จนผมได้ยินว่ามีร้องเพลงลอยกระทงกันด้วย ไม่รู้ใครเป็นต้นเสียง ..

 

แน่นอน เราวนซ้ำไอ้ข้างบนเพื่ออังกอร์อยู่หลายรอบมากเลยครับ จนเวลาผ่านไป 10 นาทีก็แล้ว 20 นาทีก็แล้ว สมาชิกของ X-Japan ยังไม่กลับออกมาซะที ผมเองก็เริ่มหมดแรงเหมือนกัน อะไรจะเล่นตัวกันขนาดนี้วะเนี่ย

จนกระทั่งผ่านไปเกือบๆครึ่งๆชม. โยชิกิถึงออกมาอีกครั้งในสภาพชุดไทย แบบ เอิ่ม ห่อสไบเฉียง มาเลยล่ะครับ เรียกเสียงกริีดได้ทั้งฮอล แน่นอน สาวๆในงานตายเกลื่อนอีกครั้ง

โยชิกิ ได้ออกมาเล่าถึงเรื่องที่ป๊าแกได้มาเมืองไทยเมื่อ 10 กว่าปีก่อน เพื่อจะมาเปิด Concert แต่ก็ไม่ได้มา และพลาดโอกาสอีกหลายครั้ง รวมไปถึง ความเสียใจตอนที่ต้องยุบวงเมื่อปี 1997 รวมไปถึงสถานการณ์ ซึนามิ ที่ญี่ปุ่น น้ำท่วมที่ไทย รวมไปถึงการจากไปของสมาชิกอย่าง HIDE และ ล่าสุดก็พึ่งมีเสียชีวิตไปอีกคนนั่นก็คือ อดีตมือเบส ไทจินั่นเอง และโยชิกิก็ได้ขอร้องให้ทุกคนยืนสงบนิ่ง  1 นาที เพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่ทุกคนครับ โอ้โห ชั่วโมงนั้น เสียงกริ๊ดเงียบกริ๊บ ชนิดแอร์ดังเลยทีเดียว

จากนั้น ก็โยชิกิ ก็เล่นเปียโนเพลงรักตลอดกาลอย่าง Forever Love และ Endless Rain .. โอ้ หลายคนบ่อน้ำตาแตกทันที

พอจบสองเพลงสุดซึ้ง ก็ขึ้นจังหวะเปียโนกระชากวิญญาณของเพลงที่ผมว่า น่าจะเป็นเพลงร็อคที่ยาวที่สุดในโลกแล้วมั้งอย่าง Art of Life ซึ่งถ้าเอามาเล่น Concert จะเล่นแค่ 2 ท่อนหลังเท่านั้น โอ้โห แฟนๆ X-Japan หลายคนฟินมากๆกับเพลงนี้ครับ เพราะเพลงนี้ หลังๆจะไม่ค่อยได้เล่นใน Concert ซักเท่าไหร่ เพราะว่ามันยาวนั่นเอง (ตัวเพลงเต็มๆยาว 30 นาทีอ่ะครับ)

http://www.youtube.com/watch?v=dg8sK8xJaj4

หลังจากจบเพลงนี้ X-Japan ทุกคนก็ออกมาโค้งคำนับแฟนๆ พร้อมทั้งสาดน้ำ (แบบกรวดน้ำ) เลยล่ะ ใส่แฟนๆ พร้อมกันนั้น เพลงสุดท้ายอย่าง Tears ก็เล่นขึ้นมา เพื่อส่งบรรยากาศนี้อย่างน่าประทับใจที่สุด ซึ่งโยชิกิ ก็ตะโกน We Are X ไม่หยุด เพื่อให้สมกับที่พวกเรารอกันนานกว่า 10 ปี กับ Concert ครั้งนี้

ผมเองก็พยายามวิ่งเข้าไปแทรกแถวหน้าเพื่อหามุมถ่ายรูปแบบจังๆ ตอนที่โฉบเข้าไป อีกประมาณ 1 เมตรจะถึงหน้าสุดของเวที โยชิกิก็โดด Body Surf ใส่แฟนๆ โอ้โหชั่วโมงนั้น ผมเชื่อว่า แฟนๆตรงนั้นประทับใจกันหลายคน ผมเองเหลืออีกแค่เมตรเดียวก็ถึงแล้วว แต่ไม่ทัน การ์ดดันลากป๋าโยชิกิกลับไปซะก่อน

โยชิกิ ยังคงโค้งคำนับแฟนๆทุกคน จนถึงนาทีสุดท้ายของ Concert ก่อนที่จะโดนทีมงานพาตัวไปข้างหลัง ปิดฉากความฝันที่ผมรอมานานกว่า 16 ปี รวมไปถึงฝันของใครหลายๆคนด้วย

ก็ต้องขอขอบคุณ BEC Tero ที่กล้าจัด Concert นี้ รวมไปถึง ความใจถึงที่ไม่ยกเลิก ทั้งๆที่อยู่ในสถาวะเสียวไส้แบบนี้

ขอบคุณสมาชิก X-Japan  ทุกคนที่ตั้งใจเล่น Concert นี้ ได้อย่างสุดยอด สมกับที่รอกันมานาน

ขอบคุณแฟนๆ X-Japan ที่ยังคงรักวงนี้อย่างเหนียวแน่น ถึงแม้เวลาจะผ่านไปเป็นสิบปี เพื่อให้ Concert วันนี้เกิดขึ้นมาได้

และขอบคุณ FanCam ทุกท่านๆ ที่ผมขอยืมมาจาก Youtube นะครับ มีหลายท่านมากจริงๆ ที่ขอเอาคลิปมารวมร่างกันและ ร้อยเป็นเรื่องราวทั้ง Concert ขออภัยที่ผมไม่ได้ขออนุญาติก่อนนะครับ

สุดท้าย ถ้ามี Concert X-Japan อีก ผมก็จะไปอีก และผมเชื่อว่าจะมีหลายๆคนตามไปด้วยเช่นกันครับ

 

 

Check Also

การเรียนรู้รูปแบบใหม่ของ ม.กรุงเทพ ที่ทำให้อยากกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง

นี่คือความรู้สึกของผมจริงๆ ตอนที่นั่งฟังอยู่ในงานแถลงข่าวเปิดตัวหลักสูตรใหม่ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เมื่อวันอังคารที่ 18 มิถุนายน 2019 ที่ผ่านมานี่แหละ ต้องเล่าให้ฟังก่อน ที่ ม.กรุงเทพเนี่ย เป็นมหาวิทยาลัยที่จะใช้ Creativity หรือความคิดสร้างสรรค์ เป็นแกนกลางแล้วนำไปผสานกับเทรนด์อื่นๆของโลก เพื่อสร้างเป็นหลักสูตร …

6 comments

  1. คอนเสิร์ตที่สมกับที่รอคอยมานานแสนนาน ขอบคุณทุกท่านคนที่มีส่วมร่วมจนความฝันของหลายๆคนได้เป็นจริง…!! ^___^ ขอบคุณ อ. ศุภเคช ที่เขียนบทความให้ผมได้อ่านจนนึกถึงภาพในวันนั้นได้ชัดขึ้นอีกครั้งครับ…!! (>___<)_b

  2. บังเอิญเข้ามาค่ะ
    สุดยอดรีวิว เป็นแฟนพันธแท้มากๆ
    ไปดูมาเหมือนกัน มันส์ สะใจมากกกกก
    ตอนนี้เฝ้ารอ Larc ปีหน้าแหล่ะ อิอิ

  3. อ่านแล้วน้ำตาไหลครับ เสียดายที่ไม่ได้ไปทั้งที่น้องสาวชวน รู้ตัวเลยว่าไม่ควรทิ้งความฝันวัยเด็ก ผมก็เคยคิดว่ายังไงต้องดูให้ได้แต่พอถึงเวลากลับคิดว่าเราแก่่เกินไปแล้ว ถ้างั้น เจอกันวันที่ 7มีนาคม 55ครับ

  4. ขอแชร์นะคะ

  5. ประสบการณ์เดียวกัน มันยอดมาก

  6. ผมอ่านไป ดูคลิปไป น้ำตาแตกพรากๆ……คุณศุภเดช….เยี่ยมมาก

Leave a Reply