ไหนๆก็แหกขี้ตาตื่นมาตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อดูบรรยากาศการเปิดตัว Samsung Galaxy S4 ที่ New York ผ่าน Youtube ก็ขอมาเล่าสรุปแบบง่ายๆละกันครับ
การดู Keynote ครั้งนี้ค่อนข้างที่จะรวบรัด ไม่ค่อยเวิ่นเว้อ ซึ่งผมก็ว่าดีนะ การเปิดตัวที่ New York ครั้งนี้ใช้ Theme ประมาณ Broadway ครับ ก็คือ นำเสนอฟีเจอร์และความสามารถต่างๆผ่านละครเพลง แล้วก็เป็นครั้งแรกล่ะมั้งที่ Samsung ไม่พูดถึง Spec ของมือถือแล้ว แต่อัดหนักไปที่ Feature อย่างเดียวเลย กะจะทำให้โลกว้าวเหมือนตอน S3 .. ซึ่งมันจะเป็นยังไง ก็ลองอ่าน Blog ตอนนี้ดูได้ครับ
ภาพบรรยากาศ Hall ที่ใช้จัดงาน ช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเย็นกว่าๆ ก่อนจะเริ่ม Present จริงตอนเวลา 1 ทุ่มตามเวลาที่ New York
http://www.youtube.com/watch?v=YzkfC7–jog
เปิดตัวด้วย Teaser ตัวนี้ของ Samsung ที่เป็นเจ้าหนู Jeremy ที่ได้รับกล่องที่ใส่อะไรบางอย่าง ซึ่งจะมา Unpack ในงานนี้เอาไว้
ขึ้่นกล่าวเปิดตัว คุณ JK Shin Head of Samsung Mobile Communication กล่าวเปิดตัว สั้นๆ และร่ายยยยย Feature ใหม่ของ S4 ที่ยาวเป็นหางว่าวให้เราฟังครับ
พอเปิดตัวเสร็จก็ได้เห็นโฉมหน้าของโทรศัพท์เครื่องนี้ ซึ่งหน้าตาจะคล้ายๆกับ Galaxy Note 2 อยู่หน่อยๆ
- CPU เป็น Exynos Octa 5410 แบบ 8 Core
- Android 4.2.2 Jellybean
- Ram 2GB มาพร้อม Storage ตั้งแต่ 16 – 64GB
- กล้องหลัง 13 ล้าน พร้อม กล้องหน้าอีก 2.1 ล้าน
- รองรับ Wifi ครบทุกมาตรฐานตั้งแต่ a/b/g/n และ มาตรฐานใหม่อย่าง ac ด้วย
- มี infrared sensor สามารถใช้ควบคุมอุปกรณ์ TV ได้
- ตัวเครื่องหนา 7.9 มม.
- หนักแค่ 133 กรัม
- หน้าจอขนาด 5 นิ้ว แบบ Full HD 1920 x 1080
- ความหนาแน่นของ Pixel จอ 441 ppi
ตัวเครื่องจะมาพร้อมกัน 2 สี ก็คือ Black Myst กับ White Frost .. ก็สีดำกับขาวนั่นแหละ วัสดุก็เป็นแบบเดียวกับที่ใช้ใน Note2 และ S3 เหมือนเดิม
ที่แจ๋วคือ มี Sensor แปลกๆเพิ่มขึ้นมาอีกมาก นั่นก็คือ ตัววัดอุณหภูมิ ความชื้น แล้วก็ ความสูงจากระดับน้ำทะเล เออ ใช้ได้แฮะ
Battery ขนาด 2,600 mAh ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ตรงนี้คนใน tag #nextgalaxyth กริ๊ดกันเยอะน่าดู ฮ่าาา
เข้าสู่ช่วง Demo ความสามารถเลยครับ ในงานใช้การแสดงละครเวทีแบบ Broadway ในการนำเสนอฟีเจอร์ต่างๆอย่างตัวแรกเป็น เด็กเล่น Ballet ที่อยากให้พ่อถ่ายรูปให้ แต่ถ้าพ่อถ่าย ตัวพ่อก็จะไม่ได้อยู่ในรูป
ก็เลยมีระบบ Dual Camera ครับ ตัว S4 ก็จะเปิดกล้องหน้า แล้วก็ถ่ายกล้องหลังไปพร้อมๆกัน ทำให้มีหน้าพ่อแปะ อยู่ในรูปด้วย แจ๋วมาก ใช้ได้ทั้งวีดีโอและภาพนิ่งนะครับ แถมย้ายกรอบรูปของพ่อ ไปตรงไหนของหน้าจอก็ได้
Feature ถัดมาก็คือ Sound and Shot ถ่ายภาพนิ่ง แต่อัดเสียงแถมเข้าไปด้วยอีก 5 วินาที เพื่อให้ได้อารมณ์มากขึ้น
Hi light ของการโชว์ในงานจะเด่นที่เจ้าหนู Jeremy ซะเยอะ เพราะโชว์ลีลาการเต้น Tap Dance ให้ดูด้วย
ฉากเต้นนี้ทำมาเพื่อโชว์ Drama shot .. ความสามารถในการถ่ายรูปแบบ 100 Frame รัวๆ แล้วเอาภาพมาต่อกันแบบนี้ครับ
Eraser เป็นเครื่องมือที่เอาไว้ลบวัตถุออกจากภาพที่เราถ่าย เช่น เอาใครซักคนออกจากภาพก็ได้ เหยดดด ฟีเจอร์ดราม่าชัดๆ
ถัดมาก็คือ S-Translator .. บนเวทีจำลองว่าเป็นนักท่องเที่ยว Backpacker ที่เดินทางไปจีน แต่พูดจีนไม่ได้ แล้วหลงทาง ก็เลยถามคนท้องถิ่น ซึ่ง S-Translator จะแปลคำพูดของเราเป็นเสียงจีน แล้วสามารถฟังเสียงจีน แล้วแปลกลับมาเป็นอังกฤษอีกทีได้ด้วย
S-Translator รองรับการแปลทั้งหมด 9 ภาษาด้วยกัน แน่นอน ไม่มีภาษาไทย ฮ่าาาาาาา
ถัดมาคือ Adapt Display .. ความสามารถที่จะปรับค่า Brightness , Contrast และค่าอื่นๆของหน้าจอโดยอัตโนมัติเวลาที่เราเดินไปในที่ๆสภาพแสงเปลี่ยน (แล้วมันจะดีเรอะ????)
Story Album .. ก็คือ การเอาภาพที่เราถ่ายรูปมาทั้งหมด ทำเป็น Photo Album ความเจ๋งก็คือ จะทำ Album ให้ตามสถานที่ๆเราไปถ่ายมา พร้อมแนบ สภาพอากาศ หรือข้อมูลท้องถิ่นเข้าไปในภาพด้วย พอทำเสร็จก็แชร์ขึ้น Facebook หรือที่ต่างๆได้ ที่เจ๋งก็คือ สามารถสั่งทำ ตัว Album จริงๆแล้วส่งกลับมาให้ใครที่บ้านดูก็ได้ครับ
Samsung HomeSync .. เป็นอุปกรณ์ เสริมที่สามารถเอาไว้ Backup ข้อมูลในมือถือของเรา ใช้ได้สูงสุด 8 คน แถมยังใช้ง่ายมาก แค่เอา S4 มาแตะ ตัว NFC ก็จะทำงานแล้วก็เริ่ม Backup ทันที ซึ่งตัว HomeSync มีขนาด 1TB ครับ … Backup กันให้เต็มที่ไปเลย แถมยังเป็น Media Player แบบ Full HD ในตัวด้วย เปรียบเสมือน Cloud ในบ้านไปเลย
S-Voice Drive เป็นเหมือนผู้ช่วยตอนขับรถ ที่เราสามารถใช้เสียงสั่งการโทรศัพท์ได้ เช่นการรับสาย โทรออก อ่าน SMS แล้วส่งกลับได้ ประมาณนี้
สำหรับคนที่อยากย้ายมาใช้ Galaxy S4 ทาง Samsung ก็มีโปรแกรมช่วยย้ายชื่อ Samsung Smart Switch ที่จะย้ายข้อมูลจากเครื่องเก่ามาลง S4 ได้อย่างง่ายดาย
ถัดมาคือ Samsung Knox ครับ เป็นฟีเจอร์ที่เอาไว้ขาย องค์กร โดยเฉพาะ เพราะมันจะแยกข้อมูลส่วนตัว กับข้อมูลองค์กร เช่น ภาพ อีเมล์ ไฟล์ แอป หรือ วีดีโอออกจากกันและเข้ารหัสเอาไว้ ไม่ให้มาข้องเกี่ยวกันได้ อันนี้คล้ายๆ BB10 เลยแฮะ
Group Play เป็นการจัดปาร์ตี้มือถือโดยที่ เอา NFC แตะกันได้สูงสุด 8 เครื่อง แล้วสามารถสั่งให้เล่นเพลงออกได้ทีเดียว 8 เครื่องพร้อมกันครับ
อันนี้เป็นไอเดียที่ผมว่าดีนะ Dual Video Call ครับ เป็นการทำ Video Call แบบใช้ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลังของเราพร้อมๆกัน เรียกได้ว่ามันคือ Video Call แบบหมู่คณะเลยทีเดียว
Air Gesture .. ก็คือ ระบบสัมผัสแบบไม่ต้องสัมผัสหน้าจอครับ เราสามารถใช้การปาดผ่านหน้าจอเพื่อสั่งการบาง App ได้เช่นการอ่าน e-book หรือเปิดเว็บ ใช้การปาดหลายๆแบบเพื่อสร้างคำสั่งได้หลายอัน
Air Call Accept ก็คล้ายๆกัน แต่เป็นการรับสายโดยที่ไม่ต้องกดปุ่มครับ ใช้ปาดดดดเอา
Samsung Smart Scroll / Pause ก็คือ เมื่อคุณเล่นไฟล์วีดีโออยู่ แต่ตาเราไม่ได้มองที่จอ มันก็จะ Pause ตัวไฟล์วีดีโอให้ครับ ทีนี้พอเราหันกลับมาดูอีกครั้ง วีดีโอก็จะเล่นต่อให้ครับ
S-Health ก็คืออุปกรณ์เสริมทางด้านสุขภาพแบบต่างๆที่จะมาทำให้เราสามารถตรวจจับ ค่าต่างๆในร่างกายได้ละเอียดมากขึ้น ซึ่ง Trend ของ Wearable Computer ก็กำลังมาแรงมากในปีนี้เลย
Accessories ต่างๆของ S4 มาพร้อมแบบหลากสีให้เลือกซื้อกันเลย
มีเคสแบบพิเศษที่ชื่อว่า S-View Cover ด้วย ซึ่งเป็นเคสแวว iPad ที่รองรับการเปิด-ปิดผ่านระบบแม่เหล็ก แถมเจาะช่องเอาไว้เพื่อให้เราดูพวก Notification ได้ง่ายๆ
และนี่ก็คือ Samsung Galaxy S4 ครับ งานนี้ฟีเจอร์เพียบ ที่เหลือไม่ค่อยมีอะไร งานแค่ 1 ชม เองครับ เหมือนจะรีบมากยังไงชอบกล
ปิดท้ายด้วย Full Spec ของ Samsung Galaxy S4
ตอนท้ายของงาน มีบอกด้วยว่านี่คือ Samsung Unpacked แค่ Episode 1 เท่านั้น ถ้าให้เดาก็เดาได้ไม่ยากครับ อีกรอบก็น่าจะเป็นงานเปิดตัว Galaxy Note Series นั่นแหละ ถ้าให้เล่าความรู้สึกสำหรับ S4 .. ผมมองว่า Samsung พยายามย้ายภาคของความ Wow ไปอยู่ที่ Software อย่างที่ S3 เคยทำเอาไว้ แต่ปัญหาก็คือ ความว้าวฝั่ง Hardware เองก็เป็นสิ่งที่คนต้องการเช่นเดียวกัน เพราะตอน S3 เปิดตัว.. Hardware เองก็ถือว่าทำให้ Wow ได้เช่นเดียวกับ แต่มางานนี้ S4 ยัดแต่ Software Feature มาเต็มขั้น ความ Wow ของผมก็เลยเหลือแค่ประมาณครึ่งเดียวเท่านั้นครับ .. รอลุ้น Galaxy Note Series อีกที ว่าจะมีอะไรทำให้ตื่นเต้นได้ไหม
127 comments