Blog ตอนนี้เกิดขึ้นตอนที่ผม Format ลง Windows ใหม่ แล้วก็ไล่ลงโปรแกรมใช้งานกับของต่างๆในเครื่อง ผมก็พบว่า เฮ้ย ของในเครื่องเรามันถูกลิขสิทธิ์เกือบหมดแล้วนี่หว่า เลยมาเขียน Blog เล่าให้ฟังว่าเส้นทางการไล่ซื้อของถูกลิขสิทธิ์มันมีอะไรบ้าง
ตลอดชีวิตการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งก็น่าจะเกิน 20 ปีได้ .. ผมใช้งานตั้งแต่ MS-DOS 3.0 บนเครื่อง 8086 แรมแค่ 256KB เท่านั้นเอง ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาจนกระทั่งมาทำเว็บ Freeware.in.th ผมนี่แหละ ผู้เผยแพร่โปรแกรมเถื่อนระดับตัวพ่อเลยทีเดียว
เพราะตอนที่ผมเรียนปี 1 อาชีพที่ผมรับจ้างทำก็คือ การเดินสายไล่ลง Windows 98 เถื่อนและโปรแกรมต่างๆให้กับคนรู้จักที่ขี้เกียจยกเครื่องไปพันธ์ทิพย์ครับ จ่ายผมทีเดียว บริการให้ถึงที่ ลง Windows + Antivirus + Office และโปรแกรมจำเป็นอื่นๆอีกมากมาย และที่สำคัญ ทุกตัว Crack สมบูรณ์แบบ ชนิดไม่ต้องกังวลว่าจะหลุดหรือมีปัญหาในการใช้งาน เรียกได้ว่า สมัยนั้น พก CD กับ HDD ติดตัวไว้พร้อมติดตั้งของเถื่อนตลอด 24. ชม
หลังจากจบมา ได้มาทำงาน ผมก็ยังคงเอาเคล็ดวิชาผิดลิขสิทธิ์มาใช้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Office ที่ตัวเองทำงาน หรือ Office ลูกค้าที่รับจ้างดูแลให้ จุดเปลี่ยนมันอยู่ที่ การซื้อ Notebook เครื่องที่ 4 ในชีวิตผม นั่นก็คือเครื่อง Thinkpad R61 ครับ มันมีลิขสิทธิ์ Windows Vista มาให้ด้วย ซึ่งบอกตามตรงว่า ผมโคตรจะไม่ชอบ Windows Vista เลยครับ (ตอนนั้นชำนาญ Windows XP มากกว่า) ก็เหมือนกับติ่งชาวไทยในทุกๆด้านเราไม่ชอบความเปลี่ยนแปลง Windows Vista มันยัง crack ไม่ได้ (ในช่วงเวลานั้น) แต่ผมก็ไม่ได้ Format ทิ้งนะ เพราะเสียดาย Windows ลิขสิทธิ์ตัวแรกที่ซื้อหามาด้วยตัวเอง
และหลังจากนั้น ต่อมสำนักผิดในใจผมก็มันเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ ผมเริ่มรู้สึกว่า เฮ้ย โปรแกรม 3-4 ตัวในเครื่องผม ไม่จำเป็นต้อง Crack ก็ได้นะ ใช้ก็ใช้แค่นี้เอง เอาของฟรีมาซะก็หมดเรื่อง ผมก็เลยเริ่มจากการเปลียนโปรแกรมทั่วๆไปในเครื่องจากเถื่อนเป็นของฟรีแทนเช่น ตอนนั้นใช้ Antivirus เถื่อนของ Symantec อยู่ก็เปลี่ยนมาเป็น Avast จากที่เคยใช้ Winzip เถื่อน ก็หันมาใช้ 7Zip แทน(ของฟรีที่ความสามารถแทบจะเท่ากัน แค่หน้าตาไม่หล่อเท่าไหร่แค่นั้นเอง) ส่วนโปรแกรมดูรูปจาก ACDSEE ผมก็เปลี่ยนเป็น Faststone Image Viewer แทน
หลังจากนั้น ความสนุกในชีวิตผมก็คือ การไล่ตามหา โปรแกรมฟรีแวร์ มาทดแทนโปรแกรมเถื่อนในเครื่องทั้งหมด จนกระทั่งพอเปลี่ยนมาได้ระดับนึง ผมก็คิดว่า ผมมีรายชื่อโปรแกรมฟรีอยู่มากเลยทีเดียว น่าจะเอามาแนะนำให้คนอื่นรู้จักกันนะ ก็เลยเป็นที่มาของเว็บ Freeware.in.th นี่แหละครับ
แต่ถึงแม้จะพยายามด้านโปรแกรมแค่ไหน ก็ยังมี โปรแกรมหลายๆตัวที่ยังต้องใช้เถื่อนอยู่เช่น MS Office … ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าด้วยการทำงานกับลูกค้า ยังไงก็ต้องส่งเอกสารไปเป็นแบบเดียวกับที่ลูกค้าอ่านได้ เคยพยายามส่ง Open Office หรือ Libre Office ไปให้ลูกค้า แต่ลูกค้าเปิดมาเบี้ยวไป เบี้ยวมาเลย รู้สึกว่ายังไม่เหมาะที่จะเปลี่ยนไปใช้ตัวอื่น แต่ถ้าจะซื้อด้วยราคา 8,000 กว่าบาท ก็ยังรู้สึกว่า แพงไป
เรียกได้ว่า ผมยังต้องใช้ Google Docs ไว้จัดการเอกสารภายใน แล้วใช้ MS Office ทำเอกสารภายนอกเพื่อส่งลูกค้ามากกว่า
จนกระทั่ง MS ได้เปิดตัว Office365 ที่มันขายเป็นลักษณะของการเช่าซื้อ ผมเลยรู้สึกว่า ทั้งราคา และ ความเหมาะสมมันปิีงเลย เพราะไม่ต้องจ่ายแพงๆ เพื่อซื้อของที่ใช้ไม่บ่อยมาดองไว้ เลยจัดมา 1 set ในราคา 2,290 บาทเท่านั้นเอง เรียกได้ว่า พอมี Office365 ผมก็ถือว่าใช้ Software ถูกลิขสิทธิ์แบบ 100% เต็มทันที
พอหมดปัญหาเรื่อง Software ก็มาดูของผิดลิขสิทธิ์อย่างอื่นกันบ้างเช่นเพลง…
ปัจจุบัน เพลงเถื่อนในเครื่องผมยังมีอยู่ แต่ว่าค่อยๆเปลี่ยนเป็นของแท้จากการไล่สะสมใน iTunes Store ตลอดปีนึงที่ผ่านมา ตอนนี้มีเพลงแท้ในเครื่องอยู่ทั้งหมด 1,424 เพลง เกิดจากการไล่สะสมพวกอัลบั้มรวมมิตร 100 เพลง แต่ราคาแค่ 5.99$ อะไรแบบนี้ รวมไปถึงเพลงที่ชอบแล้วหาซื้อไม่ได้จริงๆก็จะซื้อเก็บจากใน iTunes Store นานๆทีจะกลั้นใจสอย iTunes Gilt Card ฝั่งญี่ปุ่นไปสอยเพลงบ้าง แต่ราคาแพงมหาประลัย ถ้าไม่ใช่เพลงที่อยากจะอุดหนุนจริงๆคงไม่กลั้นใจสนับสนุนขนาดนี้
App ต่างๆในโทรศัพท์มือถือ
ผมซื้อแท้แต่แรกอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะ Jailbreak เป็นและหาเรื่องใช้ฟรีได้ก็ตาม สาเหตุก็เพราะว่า App มันขายถูกเกินกว่าจะหน้าด้านไป Jailbreak เพื่อเอามาใช้ฟรีๆได้ครับ ดังนั้น App ทั้งหมดกว่า 1,465 App ที่ผมมี ก็เป็นของแท้หมด แต่ไม่ได้เกิดจากการซื้อหน้ามืดแต่อย่างใด แต่เกิดจากการสอยมันในเวลาที่มันลดราคาครับ ซึ่งราคาของ App ที่ผมจ่ายไปทั้งหมด น่าจะไม่ถึง 5,000 บาทนะ (จากการสะสมกว่า 4 ปี)
เกม…
เกมเป็นค่าใช้จ่ายที่แพงที่สุดในบรรดาหมวดของถูกลิขสิทธิ์ทั้งหมดของผมเลยล่ะครับ เพราะว่า เวลาเกมใหม่ออก ก็อยากเล่น ถ้าไม่เล่นเถื่อนก็ต้องซื้อแท้ แถมของแท้ตอนออกใหม่ๆก็แพงบรรลัยเลย ตอนนี้เกมแท้ทั้งหมดของผมซื้อจาก Steam , Origin และ GOG.com ครับ โดยที่เกมใหม่ๆ จะซื้อจาก Steam เป็นหลักเพราะ Steam ลดราคาบ่อยมาก บางทีมีเทศกาลลดทีเดียว 75% .. หน้ามืดตามัว สอยกันแบบบ้าคลั่งเลย … ส่วน Origin เอาไว้ซื้อ The SIM ครับ แล้วก็ปืดท้ายด้วย GOG.com เอาไว้ซื้อเกมเก่าๆสมัยที่ผมเล่นเมื่อ 10-20 ก่อนมาเก็บไว้เป็นที่ระลึก
สำหรับเครื่อง Console อย่าง PS3 กับ PS Vita .. ผมก็ซื้อออนไลน์ผ่าน PlayStation Network เอา ก็มีเกมแท้อยู่ไม่กี่เกม ที่เหลือซื้อ PlayStation Plus ที่เป็นตัวสมาชิกแบบพิเศษของ PlayStation จ่ายปีละพันหน่อยๆ ผมได้เล่นเกมฟรีๆเพียบเลยเหมือนกัน อันนี้เรียกได้ว่าโคตรคุ่ม แต่เกมใหม่ออกทีนึงก็หน้ามืด ล่าสุด ก็ไปสอย Dragon’s Crown แผ่นแท้มา 1,290 แน่ะ T_T
หนังสือการ์ตูน อันนี้ซื้อแท้ทุกเล่ม ถึงแม้จะอ่านสแกนด้วย แต่ถ้าของแท้ออกก็จะซื้อด้วย เพราะผมเป็นนักอ่านการ์ตูนโดยสายเลือดอยู่แล้ว อันนี้ จัดค่าใช้จ่ายให้การ์ตูนมาตั้งแต่เด็กเลยไม่รู้สึกว่าต้องกล้ำกลืนซื้อแต่อย่างใด
ที่ผมเอามาเล่า ใช่ว่าจะมาอวดว่า มีตังค์ซื้อ อะไรอย่างนี้นะครับ ออกตัวไว้ก่อนเลย แค่ผมอยากจะบอกว่า การสนับสนุนลิขสิทธิ์มันก็ค่อยๆทำ ค่อยๆสะสมกันไป มันมีเทคนิคมากมายในการได้มาซึ่งของลิขสิทธิ์โดยที่เราไม่ต้องจ่ายราคาเต็ม รือ ได้ฟรีมาก็เยอะครับ อยากสนับสนุนทุกคนให้ใช้ของแบบถูกลิขสิทธิ์ตามแต่กำลังทุกท่านจะทำได้ครับ อย่าพึ่งคิดว่าเอะอะจะต้องเสียตังค์กันร่ำไปเลยครับ
125 comments