ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีด้านหุ่นยนต์ของโลกนี้ ก้าวหน้าไปมากครับ เพราะว่า เทคโนโลยีเสริมที่จะทำให้หุ่นยนต์เข้าใกล้ความเป็นจริง มันเก่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น ความเร็วซ๊พียู / Battery ที่เล็กลงแต่ใช้งานได้นานขึ้น / Sensor ที่แม่นยำมากขึ้น รวมไปถึงราคาที่ถูกลงกว่าเดิมมาก ทำให้อุตสาหกรรมหุ่นยนต์เข้าใกล้ชีวิตคนเรามากขึ้นทุกที
ซึ่งตอนนี้เทคโนโลยีด้านหุ่นยนต์ที่ว่า ก็มาถึงบ้านผมแล้วตัวนึงครับ ด้วยค่าตัว 21,900 บาท จ่ายเองแบบไม่ต้องมีใครจ้างมีรีวิว และขอเอาความรู้สึกในการใช้งานมาแบ่งปันกันซักหน่อย ว่าหลังจากใช้แล้วเป็นยังไงบ้าง
แต่ผมก็ขอสารภาพตามตรงว่า วูบแรกที่ผมเห็นเจ้า iRobot Roomba ยังแอบนึกในใจว่า “โคตรติงต๊องเลย หุ่นตัวละ 2 หมื่นกว่าบาท วิ่งมุดๆในบ้าน มันจะดูดฝุ่นได้สะอาดแค่ไหนเชียวฟระ”
แต่สาเหตุที่ทำให้ผมต้องซื้อมา มี 2 ข้อครับ อย่างแรกก็คือ เมล่อน ท่าน CEO หมาแสบ ที่ตอนนี้ผมเลี้ยงมาได้จะปีกว่าแล้ว เจ้าเมล่อนเป็น Jack Russell ขนสั้น ที่ตอนแรกผมคิดว่า ไม่น่าจะมีปัญหาขนร่วงเหมือนหมาตัวอื่นๆ แต่เอาเข้าจริงแล้ว Jack Russell ขนร่วงเยอะมากๆ เรียกได้ว่า กวาดกันวันละครั้ง – 2 ครั้งเลยทีเดียว เป็นงานที่ทำให้หมดแรงมากกับการทำความสะอาดบ้าน
อย่างที่ 2 ก็คือ จอย แฟนผม เค้ามีปัญหากล้ามเนื้อหลัง ก็คือ เวลากวาดบ้าน จะมีอาการชา บริเวณขา ไล่ขึ้นมาจนถึงหลังด้านล่าง และอาการชา + ปวด นี้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงหลังๆที่เมล่อนมันทิ้งขนเอาไว้เยอะมาก ก็ตอนนี้กำลังรักษาด้วยการเล่นโยคะ แต่ชักเอาไม่อยู่เหมือนกันครับ
และ ประกอบกับ ความฝันวัยเด็กอย่างนึงของผมก็คือ ผมอยากจะมี หุ่นยนต์สาว Maid น่ารัก กุ๊กกิ๊ก มารับใช้ในบ้านเป็นยิ่งนัก ซึ่งผมเชื่อว่า ใครหลายๆคนที่อ่าน Blog ตอนนี้ น่าจะเคยมีความคิดประเภทเดียวกันกับผม ในวัยเด็กอย่างแน่นอน
เมื่อรวมเหตุผลทั้ง 3 ข้อนี้ ทำให้ผมตัดสินใจที่จะซื้อ หุ่นยนต์ทำความสะอาดมาใช้งานในบ้าน ทั้งๆที่ในใจ ก็ยังแอบเสียวอยู่ว่า “เฮ้ย แล้วมันจะคุ้มค่าตัวที่จ่ายไปหรอฟระ”
ตอนนี้หุ่นยนต์ทำความสะอาดที่ขายๆกันอยู่มีหลายยี่ห้อมาก ตั้งกะ ยี่ห้อแบบ Samsung , LG ไปจนถึงหุ่นยนต์จากจีน ที่มันวิ่งๆ วนๆ หมุนๆรอบห้องได้เหมือนกันเด๊ะ แต่ละตัวก็จะมีเทคโนโลยีในการทำความสะอาดไม่เหมือนกัน โดยทั่วไป มันจะมี Feature อยู่หลักๆประมาณ 2-3 อย่างด้วยกันครับ นั่นก็คือ
- วิ่งกลับไปชาร์จเองที่แท่นชาร์จได้ไหม
- ตั้งเวลาทำความสะอาดได้ไหม
- เทคนิคการทำความสะอาดเป็นยังไง??
ซึ่ง Feature หลัก 3 อย่างนี้จะเป็นตัวกำหนดราคาของเจ้าหุ่นที่มันมาขายในท้องตลาดนี่แหละครับ
แล้วทำไมผมซื้อ iRobot Roomba ล่ะ?
ถ้าใครที่ติดตามเรื่องของเทคโนโลยีด้านหุ่นยนต์มากหน่อย น่าจะคุ้นเคยกับบริษัท iRobot มาบ้าง เพราะบริษัทนี้ก่อตั้งมาตั้งแต่ช่วงปี 1990 โดยที่ทำงานด้านการพัฒนาหุ่นยนต์มาโดยตลอด และที่สำคัญ หุ่นที่พัฒนาจากบริษัทนี้ ออกมาปฏิบัติงานที่จริงจัง และซีเรียสกว่าที่เราคิด เพราะมันเป็นหุ่นยนต์ช่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดให้กับทหารครับ
พอเห็นเทคโนโลยีระดับทางการทหาร มาอยู่แบบ Home use แบบนี้ ผมก็เลยรู้สึกมั่นใจในการใช้งานมันขึ้นมาหน่อย ว่าหุ่นตัวนี้ ไม่น่าจะทำอะไรปาหี่ใส่เรานะ มันคงจะมีความสามารถคุ้มค่าตัวระดับนึงเลยล่ะ
หุ่นยนต์ทั้งหมดของ iRobot มีหลายหมวดด้วยกัน ตั้งแต่ หมวดดูดฝุ่น หมวดถูพื้น หมวดทำความสะอาดรางน้ำฝน หรือ ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ ซึ่งตัวที่ขายดีสุดก็คือ Roomba ที่เป็นหมวดดูดฝุ่นนี่แหละครับ
ลองดูวีดีโอแกะกล่องกันก่อนนะครับ จะได้รู้ว่า ในกล่องเจ้า iRobot Roomba 760 นี่ มีของอะไรมาให้บ้าง
เอาล่ะครับ แกะกล่องภายในเสร็จแล้ว มาดูความสามารถของ iRobot Roomba 760 กันเลยครับว่ามันทำอะไรได้บ้าง ไปดูหน้าต่อไปเลย
ในประเทศไทยจะมีการนำเอาหุ่น iRobot Roomba เข้ามาจำหน่ายทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกันได้แก่
- 620 : ทำความสะอาดอย่างเดียว ตั้งเวลาล่วงหน้าไม่ได้ รัศมีการทำงานประมาณ 100 ตรม.
- 650 : ตั้งเวลาล่วงหน้าได้ 7 วัน (วันละ 1 ครั้ง) และจะมี Virtual Wall กำแพงล่องหนมาให้ 1 อัน
- 760 : ตั้งเวลาล่วงหน้าได้ 7 วัน (วันละ 1 ครั้ง) , รัศมีการทำงาน 120 ตรม , มี HEPA Filter ไว้ช่วยกรองไรฝุ่น และเศษผงระดับเดียวกับเครื่องกรองอากาศ , มี Virtual Wall มาให้ 1 อัน และมีรีโมท 1 อัน
- 780 : ความสามารถเหมือน 760 แต่เพิ่มรัศมีการทำงานเป็น 150 ตรม และมี Virtual Wall มาให้ 2 อันกับรีโมทอีก 1 อัน
หน้าตาเจ้า iRobot Roomba 760 ก็จะเป็น Drone ทรงกลม ทำจากพลาสติก น้ำหนักประมาณ 3.6 กิโลกรัม ตัววัสดุจะเป็นพลาสติก ที่ตรงขอบจะเคลือบสาร Soft Touch มาเพื่อลดแรงกระแทกเวลาวิ่งไปชนกำแพงหรือเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ
การทำงานของ iRobot Roomba จะแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนด้วยกันครับ ขั้นตอนแรกจะใช้แปรงปัด 3 ขา ในการปัดฝุ่นเข้ามาตรงกลาง หลังจากนั้นตัวแกนปั่นก็จะดูดฝุ่นและเศษผงเข้าไป และขั้นตอนสุดท้ายก็มีมอเตอร์ดูดฝุ่นผ่านตัวกรอง HEPA เข้าไปในถังเก็บฝุ่นอีกที
การเคลื่อนที่จะใช้ล้อ ซ้าย – ขวา สองข้างในการเคลื่อนที่ไปมาระหว่างห้อง โดยที่ ตัว iRobot Roomba สามารถไต่ความสูงได้ระดับนึง (ประมาณ 1-2 cm) ไต่ขอบพื้น ขอบประตูพอได้ แต่ถ้าสูงกว่านั้นก็ไม่ไหว
รอบๆตัว iRobot Roomba จะมี Sensor เป็นตาแบบนี้ทั้งหมด 6 จุดด้วยกัน ซึ่งเจ้าตาพวกนี้แหละที่ทำให้ iRobot มันไม่เดินตกบันไดครับ ดังนั้นเวลาปล่อยเค้าทำงานชั้น 2 ก็สามารถปล่อยได้แบบหายห่วงได้เลย ซึ่งนอกจากใช้ในการป้องกันไม่ให้ตกบันไดแล้ว ยังมีเทคโนโลยี 2 อย่างที่ใช้ในการตรวจสอบความสะอาดของบ้าน ก็คือ iAdapt ที่จะยิงสัญญาณออกมา 60 ครั้งต่อวินาทีเพื่อตรวจสอบความสะอาด อีกอันก็คือ Dirt Detect เป็นการยิงคลื่นเสียงออกมาเพื่อตรวจสอบฝุ่นในพื้นผิวนั้นๆ
ความสามารถประจำปุ่น iRobot Roomba ทุกรุ่นก็คือ มันสามารถวิ่งกลับไปที่ Home Base เพื่อชาร์จไฟเองได้ เมื่อเสร็จภารกิจ หรือ ถ้ายังไม่เสร็จ แต่ Battery ใกล้หมด ก็จะกลับไปชาร์จก่อนแล้ววิ่งกลับมาทำต่อครับ ดังนั้น หมดปัญหาเรื่องไปเจอหุ่น iRobot นอนเงิบตรงไหนของบ้าน เพราะแบทหมด
ตัว Virtual Wall หรือ กำแพงล่องหน ใช้ถ่านขนาด 2c x 2 ก้อน (ในกล่องไม่ได้ให้มาด้วยนะครับ) เมื่อเปิดเครื่องแล้ว จะสามารถยิงคลื่นมาเป็นกำแพงเพื่อป้องกันไม้ให้หุ่น iRobot วิ่งผ่านได้ครับ บางคนอาจจะมีห้องที่ไม่อยากให้ iRobot Roomba เข้าไปยุ่ง เช่น ห้องพระ ห้องน้ำ หรือประตูออกไปนอกบ้าน คุณอาจจะปิดประตูไว้ก็ได้ แต่การใช้ Virtual Wall ก็สะดวกเหมือนกันครับ
ในรุ่น 760 กับ 780 จะมีรีโมทคอนโทรลมาให้ด้วย อันนี้สามารถใช้บังคับเจ้า iRobot ได้เหมือนรถบังคับ แล้วก็สามารถกดให้มันทำความสะอาดเฉพาะจุดได้ด้วยครับ
เทคนิคการวิ่งทำความสะอาดของ iRobot ไม่ใช่วิ่งกวาดพื้นแบบ ซ้าย-ขวา ไปเรื่อยๆจนทั่วห้องนะครับ ระบบจะเช็คกับ Home Base ว่า ตัวมันอยู่ตรงไหน / Home Base อยู่ตรงไหน แล้วก็จะยิ่ง sensor ออกมาวัดขนาดห้องว่ามีรัศมีเท่าไหร่ จากนั้นมันก็จะวิ่งเป็นก้นหอย รอบห้อง เพื่อให้คลอบคลุมทั้งหมด แล้วก็วิ่งเก็บขอบครับ
เอาล่ะครับ หลังจากที่ชาร์จไฟเต็ม ก็ได้เวลาที่เจ้า iRobot Roomba หรือที่ผมตั้งชื่อมันว่า นังไข่ตุ้ม ออกปฏิบัติงานครั้งแรกแล้วครับ ไปดูหน้าถัดไปกันเลย
ตอนเปิดทำงานครั้งแรก ก็ตื่นเต้นดีครับ นังไข่ตุ้มมันก็วิ่งไปเรื่อย ด้วยโปรแกรมที่มันคำนวนเอาไว้ ความดังของเครื่องตอนทำงาน เบากว่าเครื่องดูดฝุ่นประมาณ 1-2 เท่าได้ และสำหรับห้องขนาด 74 ตรม ของผม มันใช้เวลาในการทำความสะอาดประมาณครึ่ง ชม. ครับ
และนี่คือ สิ่งสกปรกทั้งหมดที่มันเก็บเกี่ยวได้จากห้องผม โอ้ มาย ก็อด และไม่ใช่ว่าทำความสะอาดได้ปริมาณนี้แค่ครั้งแรกนะครับ มันเก็บได้ประมาณนี้แทบทุกวัน
และที่สำคัญ มันกลายเป็นของเล่น สำหรับ กระต่ายและหมาผมไปแล้วด้วยอีกต่างหาก ดูแล้วก็ เพลินไปอีกแบบเหมือนกันครับ
ความรู้สึกที่ได้รับหลังจากที่ iRobot Roomba ทำงานเสร็จก็คือ ความสบายฝ่าเท้าเวลาเดินในห้องครับ รู้สึกดีมากเลย ที่พื้นห้องมันเรียบแล้วก็ไม่มีอะไรสากๆเวลาเดิน รวมไปถึง บรรยากาศในห้องมันดูสะอาดขึ้น (อันนี้ก็ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่านะครับ) ซึ่งหลังจากที่ผมใช้มันมาเกือบๆ 2 อาทิตย์ ผมขอยกให้มันเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีศักดิ์และสิทธิ์เทียบเท่า เตาไมโครเวฟ นั่นก็คือ ขาดไม่ได้สำหรับบ้านผมอีกต่อไปครัฟ คือ ถ้าเครื่องนี้พังยังไงก็ซื้อใหม่แน่นอน!!
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ได้คุยจาก เจ้าหน้าที่ของ iRobot
- Filter และ แกนปั่น เป็นของสำคัญมาก ถ้าอยากจะให้บ้านสะอาดจริงๆ อย่างน้อย 2 เดือนควรเปลี่ยน 1 ชุด (ราคารวมประมาณ 500 บาท) ถ้าคุณใช้ iRobot ทำงานทุกวัน ผมโดนมาแล้ว ใช้ไปซัก 2 เดือนมีปัญหาทำไมอากาศในห้องมันหนักๆ ไม่ค่อยโปร่งเหมือนตอนใช้งานแรกๆฟระ เปลี่ยน Filter ปั๊บ อากาศกลับมาโล่งๆเหมือนเดิมครับ
- Battery มีอายุการใช้งานประมาณ 2 ปี ถ้าต้องเปลี่ยนก็ Set ละประมาณ 3 พันกว่าบาท (ก็พอรับได้อยู่)
- iRobot Roomba เป็นหุ่นดูดฝุ่น สิ่งที่ต้องระวังมากคือ น้ำระดับเจิ่งนอง เพราะมันอาจจะพังได้ (เคยคุยกับพนักงานแล้ว เค้าบอกว่า มีบ่อยเลยที่เผลอปล่อยวิ่งไปดูดน้ำจนพัง ยังไงถ้าใครจะใช้ก็ระวังด้วยครับ)
- บางบ้านชอบเจ้า iRobot มากขนาด ลงทุนเปลี่ยนโซฟาใหม่ เพื่อยกให้สูงขึ้น เจ้า iRobot จะได้วิ่งเข้าไปดูดฝุ่นได้
- ช่วง 2-3 วัน จะเป็นการปรับแต่งเส้นทางวิ่งของ iRobot กับ ของในห้องเราครับ ในห้องผมมันจะมีมุมที่ iRobot วิ่งเข้าไปแล้วติดอยู่ 2 มุม นั่นก็คือ ช่องว่างใต้ลู่วิ่งออกกำลังกาย กับใต้โต๊ะวางพัดลม ทางแก้ของผมก็คือ ต้องอุดทางเข้าพวกนั้นซะ มันจะไม่ได้เข้าไปติดอีก หลังจากนั้นก็สะดวกยาวๆ ครับ
- ค่าตัว 21,900 บาท หลายคนอาจจะว่าแพง แต่ถ้าเทียบกับคนใช้สายกวาดบ้านโคตรเก่ง ที่ไม่อู้ ไม่ขี้เกียจ ไม่ขโมยของ ผมว่าคุ้มกว่ากันเห็นๆ ราคานี้ จ้างคนใช้ได้แค่ 3 เดือนเองนะครับ สมัยนี้ อิอิ
และสำหรับคนที่สนใจ อยากจะบอกว่าตอนนี้ Melonbox.com กลายเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการจาก iRobot ประเทศไทยแล้วครับ ถ้าอยากสั่งซื้อ iRobot หรือ อุปกรณ์เสริม ก็มีขายแล้วนะครับ ยังไงถ้ามีคำถามสงสัยในการใช้งาน ก็ถามมาที่ Facebook Comment ข้างล่างได้เลยนะครับ อันไหนตอบได้ ผมจะตอบให้ อันไหนตอบไม่ได้ เดี๋ยวไปถามตัวแทนจำหน่าย iRobot ประเทศไทยมาให้ครับ
29 comments