หลังจากที่ปั่นจักรยานอย่างจริงจังแทนวิ่งมาได้ครึ่งปี ก็พบว่า ท่าทางคงได้จริงจังกับวงการจักรยานแบบยาวๆแล้วล่ะ ก็เลยมองหา หมอบคันแรก ที่จะมาเป็นรถประจำกายใช้ในการปั่นไปยาวๆ เพราะเปลี่ยนมา 2 คันแล้ว ไม่ค่อยอยากจะเปลี่ยนอีกแล้วครับ หมดตัว ก็เลยทำการบ้านอยู่ประมาณเดือนนึง กับการมองหา จักรยานเสือหมอบคันแรกของตัวเอง แล้วก็ได้ผลลัพท์มาเป็น Bianchi Impulso 2014 หมอบรุ่นกลาง สำหรับคนอยากปั่นจริงจังครัับผม
ช่วงที่ผมกำลังทำการบ้านว่าอยากจะได้หมอบแบบไหน ก็ได้แต่ตระเวนอ่านตามเว็บบอร์ด Thaimtb กับ Pantip.com ห้องจักรยานไปเรื่อยๆ เพราะตอนนั้นความรู้ในวงการหมอบเป็นศูนย์มากๆ รู้แต่ว่า ไปออกทริปมาแล้ว แล้วเห็น เสือหมอบอลังๆ มากมาย วิ่งตัดหน้า ก็เลยชักเริ่มอยากจะได้กับเค้าบ้าง
โดยที่ Requirement มีดังต่อไปนี้
- ปั่นสบาย
- น้ำหนักประมาณ 8-9 กิโลกรัม
- ชุดเกียร์ Shimano 105 หรือเทียบเท่า
- บำรุงรักษาง่ายๆ
พอได้ Requirement แล้วก็เริ่มกำหนด งบประมาณครับ โดยที่งบประมาณในใจอยู่แถวๆ 3x,xxx บาท (จริงๆ เสือหมอบในตระกูลชุดเกียร์ 105 ของ Shimano ก็ราคาประมาณนี้เกือบทั้งนั้นนะครับ) ก็เลยได้ รายชื่อออกมาประมาณ 3-4 รุ่นดังต่อไปนี้
ตัวเลือกแรก ที่เลือกเอาไว้ในใจ ก็คือ Merida Scultura 904 หมอบที่ใครๆก็ว่า ให้ของคุ้มในราคาไม่แพง แถม Hybrid คันแรกของผมก็ Merida ด้วย น้ำหนัก 8.9 โล ถือว่าเป็นตัวเลือกที่มาเป็นอันดับแรกๆเลย
คันที่ 2 คือ Trek 2.1 ซึ่ง ถ้าพูดถึงหมอบราคาไม่ถึง 15,000 บาท ที่ทุกคนให้ความไว้วางใจชนิดวางขายที่ไหน็ขายหมดเกลี้ยงคือ Trek 1.1 ซึ่งสำหรับรุ่นพี่ของมัน Trek 2.1 ก็เรียกได้ว่า ทำราคาและเทคโนโลยีได้น่าสนใจมาก อาจจะให้ของสู้ Merida ไม่ได้ แต่เฟรมซ่อนสายถือว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียว
Giant TCR1 Compact .. รถที่ขึ่้นชื่อว่า เวลาใครขี่ก็เหมือน แจ็คผู้ฆ่ายักษ์ เพราะยี่ห้อนี้ขึ้นชื่อเรื่องปั่นแล้วพุ่งมากๆ เรียกว่ามาสายรถแข่งโดยเฉพาะ ให้อะไหล่คุ้มสุด เพราะแม้แต่จานและขาถีบก็ยังให้ของ 105 มา ที่สำคัญยังให้หลักอานคาร์บอนมาด้วย โอ้มายก็อด
และปิดท้ายด้วย Bianchi Impulso รถที่ผมไปอ่านรีวิวที่ไหน เค้าก็บอกว่า ปั่นสบาย ซื้อง่าย ขายต่อคล่อง แถมยังมีทริปไปปั่นจักรยานที่ทาง TCA ตัวแทนจำหน่าย จัดอย่างยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกเดือนอีก
พอได้ตัวเลือกทั้ง 4 มาแล้ว ก็ได้เวลาเดินหาร้านที่มีของครับ
สำหรับ Merida มีตัวแทนจำหน่ายเยอะมากๆ อันนี้ผมไปลองคร่อมแล้วก็ดูตัวจริงที่ แสงเจริญจักรยานตรงอุดมสุข แต่พอไปลองคร่อมแล้ว รู้สึกยังไม่ค่อยสบายตัว และ สบายตรูดเท่าไหร่ อาจจะเพราะองศายังไม่โดน เลยยังไม่ซื้อ
สำหรับ Giant ก็จะมีตัวแทนจำหน่ายคือ World Bike ในซอยอุดมสุขเหมือนกัน แต่วันที่จะไปร้านหยุด เลยไม่ได้ไปดู
สุดท้ายเลยไปลองของที่ร้าน Play Bike ตรงแถวๆลาซาลนะครับ ที่เลือกร้านนี้ก็เพราะว่า บริเวณด้านข้างของร้าน เค้ามีถนนให้ทดลองปั่น เพื่อทดสอบประสิทธิภาพรถได้ง่ายๆ แล้ว เจ้าหน้าที่ดูแลร้าน ชื่อ พี่ไกด์แกก็ดูแลผมดีมาก ไปสอยจักรยานร้านนี้มาหลายรอบแล้วล่ะครับ
ตอนที่ไปที่ร้าน ก็ได้ลองคร่อม Trek 2.1 ก่อน เป็น Trek 2.1 สี ฟ้า-ขาว แบบสวยชิปหายยยเลย จากนั้นก็ฟังคุณไกด์แกเหลาเทคโนโลยีเรื่อง Trek 2.1 มาให้ฟัง เรียกได้ว่าเคลิ้ม เกือบหิ้วกลับบ้านและ แต่พอตอนไปทดลองปั่นหน้าร้าน ผมรู้สึกว่า องศาการปั่นมันไม่ค่อยโดนเท่าไหร่
สรุปว่า Trek สวยมาก แต่ยังไม่โดน ก็เลยขอเปลี่ยนเป็น Bianchi Impulso ซึ่ง ลองดูจากรูปที่ผมหามานะครับ ไม่ว่าจะเป็น Merida , Giant , Trek ทุกคันเป็นสีขาวหมด แต่มีแค่เจ้า Bianchi คันนี้แหละที่เป็นสีดำ ซึ่งตอนแรกผมก็ยังไม่ค่อยถูกชะตากับ Bianchi Impulso คันนี้มากเท่าไหร่ครับ
แต่พอขึ้นคร่อม แล้วทำ fitting นิดหน่อยเท่านั้นแหละ
องศา ท่านั่ง มุมแขน การควงขา มันช่างลงตัวกับร่างกายผมอย่างกะ เกิดมาคู่กัน เรียกได้ว่า พร้อมขี่ไปจ่ายตังค์ที่เคาท์เตอร์เลยล่ะ
ซึ่งถ้ามองในแง่ของ ความคุ้มค่าของอะไหล่ที่ได้ ผมว่า Giant คุ้มสุด เพราะได้หลักอานคาร์บอน + ชุด 105 ที่เกือบครบ แต่ถ้ามองว่า การขับขี่ไกลๆ และใช้ชีวิตประจำวันอยู่กับมัน ผมขอเลือกเฟรมที่ขี่สบายๆ ดีกว่า เพราะยังไงก็ต้องอัพเกรดอยู่แล้ว ฮ่าๆ
สุดท้ายด้วยความสูงระดับ 175 ซม และ inseem (ความสูงตั้งกะเป้าจนถึงพื้น) ที่ 75 ซม ผมก็เลยสอย Bianchi Impulso ขนาด 53 กลับมาบ้านครับ
เอาล่ะ เกริ่นเรื่อง ไปซื้อมาเยอะแล้ว ได้เวลารีวิวซะทีครับ
Bianchi เป็นผู้ผลิตจักรยานที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังเหลือรอดอยู่จากยุคสมัยนั้นนะครับ ก่อตั้งเมื่อปี 1885 ซึ่งในช่วงปี 1900 เคยผลิตรถยนต์ด้วยภายใต้ชื่อ Autobianchi ด้วย แต่ก็ขายกิจการให้กับ Ford ไปเรียบร้อย แล้วหันกลับมาเอาดีด้านจักรยานเหมือนเดิมครับ
Bianchi Impulso เป็นรถแบบ C2C (Coast to Coast) หมายถึง สามารถใช้วิ่งได้สุดชายหาดของอิตาลีได้สบายๆ สื่อถึงการเป็นรถประเภท Endurance คือ ขี่ได้นานโดยไม่สร้างภาระให้กับร่างกายมากนัก โดยที่รถในหมวดนี้จะมีทั้งหมด 4 รุ่นใหญ่ๆด้วยกัน ได้แก่ Nirone , Impulso , Intenso และ Infinito ครับ
Impulso ก็เป็นรุ่นกลางๆ ที่ให้เทคโนโลยีดีๆ บวกกับอะไหล่ที่คุ้มค่าในราคาที่ไม่แพงจนเกินเอื้อมนั่นแหละครับ
Impulso ของปี 2014 จะมีทั้งหมด 3 สีด้วยกัน นั่นก็คือ สีเงิน , สีเขียว Celeste และสีดำด้านครับ (ตอนผมซื้อ มีสีดำด้านกับเขียวให้เลือก แต่ในฐานะผู้ชายหน้าค่อนข้างโหดจะให้ขี่สีเขียวบรุ๊งบริ๊ง อาจจะไม่ค่อยเข้ากับหน้า เลยเลือกสีดำมา แต่หมอตง @tongkatsu แกสอยสีเขียว Celeste มาเมื่อปีที่แล้ว ลองไป อ่านรีวิวของแก ได้นะครับ) อ้อ เพิ่มเติมครับ รุ่นนี้แถมขากระติก กับกระติกมาให้ด้วยนะ แต่ขากระติกที่แถม มันธรรมดาไปผมเลยขอเทิร์น เป็นขากระติก Bianchi ที่สีเข้ากันมาครับ
โลโก้ Impulso ที่คาดสีแดง ดูแหม่งๆ แต่ก็โอเค แต่ขัดใจตรงที่ไม่ใช่เฟรมแบบซ่อนสายนี่แหละครับ
ที่ชอบอีกอันในรถคันนี้ก็คือ โลโก้ของ Edoardo Bianchi ชื่อของผู้ก่อตั้ง เป็นตรารูปนกฟินิกส์
มือเบรคและ Shifter ของ Shimano 105 เปลี่ยนเกียร์ได้นุ่มดีมาก แต่จะว่าไป ผมก็ไม่เคยใช้แบบอื่นมาก่อนนอกจาก Shifter ที่ติดมากับ Merida Speeder T2 ก็เลยอาจจะบอกอะไรมากไม่ได้ แต่เท่าที่ลองใช้ดู การกดเปลี่ยนเกียร์ต่อเนื่องในช่วงเร่งความเร็วกระทันหันทำได้ดีทีเดียว ไม่มีเสียงกระตุกโซ่แคร่กๆให้ได้ยินเลย (ถ้าไม่เปลี่ยนเกียร์ผิดจังหวะจริงๆนะครับ)
Stem ของ Reparto Corse เป็นอลูมิเนียม ลายเขียว ขาว เข้ากับตัวรถมาก
หลักอานของ Reparto Corse ซึ่งเจ้า Reparto Corse ก็เป็น Race Department ของทาง Bianchi ครับ ก็จะมีอะไหล่ หลายๆแบบด้วยกัน รถของ Bianchi ส่วนใหญ่ ถ้าไม่ใช่ชุดขับเคลื่อน ก็จะเป็นอะไหล่ของ Reparto Corse เกือบทั้งหมดครับ คล้ายๆ Toyota ที่มี TRD หรือ Honda ที่มี Mugen น่ะแหละครับ
เบาะเป็นของ San Marco .. ซึ่งตัวเบาะเนี่ย ยังไม่เข้าตรูด ผมเท่าไหร่ ทุกทีผมจะมีอาการเจ็บตรูด จากการปั่น หลังจากปั่นได้ระยะประมาณ 20 กม. ขึ้นไป แต่สำหรับเบาะ San Marco ตัวนี้ ผมปั่น 10 กิโลก็เริ่มเจ็บตรูดแล้วครับ ซึ่ง ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีนะครับ แต่เบาะเนี่ย มันเป็นเรื่องของตรูดใครตรูดมันล้วนๆ แชมป์โลกใช้เบาะอันละพันกว่าก็มี เพราะมันสบายตรูดน่ะแหละครับ
เบรคก้ามปูของ Reparto Corse .. บอกไม่ถูกว่าดีหรือเปล่า เพราะว่า ผมตัวหนักประมาณ 92 กิโลกรัม แต่เวลาเบรคก็มีเสียวๆ อยู่ ซึ่งไปถามหลายๆคน เค้าก็บอกว่า เป็นปกติ เพราะเบรคของเสือหมอบมีไว้ชะลอ ไม่ใช่ไว้หยุดครับ สาเหตุก็เพราะว่า เราขี่กันเร็วมากนั่นเอง ไอ้เบรคอันแค่นี้เอาไม่อยู่หรอกคร้าบ มีไว้ชะลออย่างเดียวเท่านั้น
ตะเกียบหน้าโคตรสวยครับ เป็น คาร์บอนซางอลูมิเนียม ทำให้ลดแรงกระแทกมากกว่า ตะเกียบอลูมะเนียมอย่างเดียวแถมเบากว่าด้วย
ยางที่ให้มาเป็น Continental Ultrasport ซึ่งค่อนข้างทนเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ผมเคยอ่านเจอว่า ยางที่ให้มากับ Impulso จะเป็นอีกรุ่นนึง ที่แตกบ่อยมาก เค้าเลยเปลี่ยนมาเป็นตัวนี้แทน เป็นยางขนาด 700c x 23 ครับ
ล้อที่ให้มาใช้ดุม Novatec ที่เค้าว่ากันว่า ลื่นในราคาไม่แพง จริงๆก็คือ ไม่เคยลองตัวอื่นเหมือนกันครับ เท่าที่ลองขี่ดูก็โอเคมากๆ ผมปั่นด้วยความเร็วเฉลี่ยประมาณ 25 – 28 km/h ซึ่งเวลาฟรีเท้าก็ลื่นดี ปั่นเติมความเร็วไม่ต้องมากก็กลับมาที่ความเร็วเดิมครับ
จานหน้า กับ ขาจาน เป็นของ Fsa Omega MegaExo Compact ที่ขนาด 50/34 ถ้าปั่นในเมืองใช้เฟืองเล็กชิลๆสบายๆ ที่ 25 – 28 ไม่มีปัญหาเลยครับ เฟืองเล็กผมเคยกดหมดแม็ก ได้ความเร็วมา 35 สุดแรงขาแล้ว แต่กับเฟืองใหญ่ เคยกดได้เต็มที่ 42 ลิ้นห้อยเลย
เวลาซื้อหมอบ เค้าจะไม่ได้ให้บันไดถีบมาด้วยนะครับ เพราะว่า คนปั่นหมอบส่วนใหญ่จะใช้รองเท้าคลีท ซึ่งมันจะมีขนาดเฉพาะกับบันไดที่ใช้ เค้าก็เลยไม่ได้ให้บันไดมา ผมก็เลยซื้อบันได เสือภูเขาของ Shimano มา เพราะเจ้าของร้านบอกว่า ถ้าอยากใช้คลีทก็ได้ แต่ถ้าอยากปั่นปกติแบบในเมืองก็สลับข้างให้กลายเป็นบันไดถีบปกติก็ได้ครับ ชอบมาก ราคาประมาณ 1,300 บาท น้ำหนักก็ไม่ได้หนักเว่อร์อะไร
สับจานหน้าให้ของ Tiagra มา ซึ่งก็ถือว่าเฉยๆ เพราะต่อให้ ให้ของดีๆมา ผมก็แทบไม่ได้เปลี่ยนจานหน้าซักเท่าไหร่เลย เลยคิดว่าไม่น่าจะมีผลอะไรมาก
ตีนผีของ Shimano 105 .. โอ นุ่มลื่นอย่างที่เค้าเล่าลือ กดปุ๊บเปลี่ยนปั๊บ ไม่ค่อย Delay แถมยังลื่นมากๆด้วย
Shimano 105 จะมีเฟืองหลัง 10 Speed นะครับ ก็ถือว่าเป็นชุดเฟืองปั่นในเมืองแบบลื่นๆ ขึ้นสะพานก็ไม่หืดจับมากนัก ยกเว้นสะพานยาวๆ ถ้าใครแรงขาไม่ดี ก็มีเงิบอ่ะคครับ
แฮนด์พันด้วยผ้าโฟมสีเขียว มีลาย Bianchi มาด้วย ซึ่งหลังจาปั่นมาประมาณ 100 โล ตอนนี้ก็เริ่มดำแล้วครับ
ล้อที่ให้มาเป็นรุ่น Maddux RX 5.1 มีน้ำหนักล้อหน้าประมาณ 1.2 – 1.3 กิโลกรัมครับ ก็เรียกได้ว่าหนักนิดนึง แต่เป็นล้อซ้อมขาที่ดีมากเลยทีเดียว ล้อหลังไม่ได้แกะออกมาชั่งน้ำหนัก แต่เดาจากสายตา น่าจะแถวๆ 1.5 กิโลได้ครับ
จากการปั่นมาประมาณ 100 กิโลเมตร ผมพบว่าคิดถูกมากๆ ที่เลือก Bianchi Impulso มา เพราะว่าสภาพถนนในกรุงเทพมันแย่มาก แถม ผิวถนนก็ห่วยแตกสุดๆ เวลาขี่แล้วเจอหลุมเล็กๆ หรือถนนที่ไม่เรียบ จะไม่ค่อยมีแรงกระแทกมากนัก
การกระชากความเร็วช่วง 25 – 30 ก็ทำได้ดี ไม่เหนื่อยมาก กดปุ๊บ มาปั๊บ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหา เพราะอย่างที่บอกว่า เบาะมันทำร้านตรูดมาก คิดว่าน่าจะเปลี่ยนในเร็ววัน แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะเปลี่ยนเป็นอันไหนดี เพราะเรื่องนี้มันไปใช้ตรูดคนอื่นอ้างอิงก็ไม่ได้ เพราะสภาพมันไม่เหมือนกัน เอาเป็นว่าอาจจะต้องจั่วกันซัก ทีสองที ฮือๆ
และ สำหรับราคาของ Bianchi Impulso คันนี้ ผมได้มาที่ 32,800 บาทครับ บันไดอีก 1,300 บาท ใครขี่จักรยาน หรืออยากขี่ ก็ลองมาคุยๆกันได้ครับ สนุกดี
ปั่นจักรยาน บรรยากาศดี ร่างกายแข็งแรง อย่าลืมเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมก่อนออกทริปน่ะค่ะ
http://www.facebook.com/cyclingthing
http://www.cyclingthing.com