จริงก็เป็นคำถาม ที่ถามมาจากทั้งแฟนรายการและลูกค้าครับ … เพราะเวลาที่ผมไปให้คำปรึกษาเรื่องระบบ พอเข้าถึงเรื่อง Internet … ทางคุณเจ้าของที่เป็นลูกค้าก็จะ งง แล้วก้ถามผมกลับมาว่า แล้วผมจะติด Internet แบบไหน ความเร็วเท่าไหร่ดี
ผมเลยขอทำ Guideline คร่าวๆ สำหรับการเลือกติดตั้ง Internet ความเร็วสูงประจำบ้าน หรือ Office ละกันนะครับ
เทคโนโลยีที่ใช้
ตอนนี้ Internet ความเร็วสูงที่ให้บริการหลักๆในบ้านเรามีอยู่ประมาณ 4 อย่างด้วยกันครับ
- Fiber Optic : ลากได้ไกล ความเร็วสูง ไม่มีผลต่อคลื่นรบกวนด้านไฟฟ้า มีค่า Response Time ต่ำมาก เป็นเทคโนโลยีที่ควรเลือกติดตั้งมากที่สุด หากในพื้นที่มีให้บริการ มีให้บริการทุกเจ้า True / CAT / TOT / 3BB มีหมดครับ และถ้าหากติด Fiber Optic ก็สามารถใข้วงจรโทรศัพท์ หรือ Cable TV ผ่านทาง Fiber Optic ได้ด้วย
แต่ในบ้านเรายังไม่มีบริการแบบนี้ มีแต่ Internet อย่างเดียวตอนนี้ทาง True , TOT เริ่มมีให้บริการแบบครบวงจรแล้วครับ มาทั้งเน็ต , โทรศัพท์ , Cable ทีวีในเส้นเดียว - Docsis : Docsis ย่อมาจาก Data Over Cable Services Interface Specification เป็นอินเทอร์เน็ตผ่านสาย Cable แบบเดียวกับที่ให้บริการ Cable TV .. ข้อดีคือสายทนทาน รองรับความเร็วสูง แต่ระยะในการให้บริการสั้น และมีผู้ให้บริการเจ้าเดียวคือ True
- ADSL : เป็นเทคโนโลยีการส่งข้อมูลความเร็วสูงผ่านทางสายโทรศัพท์แบบทองแดงที่เราคุ้นเคยกันดี ข้อดีของ ADSL ก็คือเป็นโครงข่ายที่ขยายต่อเพิ่มได้ง่าย เพราะผู้ใช้งานจำนวนมากมีเบอร์โทรศัพท์ประจำบ้านกันอยู่แล้ว ระยะส่งข้อมูลไกลมาก สูงสุดได้5 กิโลเมตร ข้อเสียก็คือ ความเร็วสูงสุดได้แค่ 25Mbps เท่านั้น ซึ่งเมื่อก่อนอาจจะพอ แต่เดี๋ยวนี้ไม่พอแล้ว มีให้บริการทุกเจ้าครับ
- VDSL : เทคโนโลยีแบบเดียวกับ ADSL แต่ลดระยะทางให้สั้นลง แต่เพิ่มความเร็วได้มากกว่าเดิมหลายเท่า มีให้บริการทุกเจ้า ครับ
ทั้ง 4 เทคโนโลยี ถ้าจะให้ผมเลือก ถ้าคุณติด Fiber ได้ ก็เลือก Fiber เถอะครับ ตอนนี้ Fiber Optic ราคาถูกลงมาเยอะมากแล้ว รองลงมาก็คือ Docsis , VDSL และ ADSL ตามลำดับครับ
แล้วจะติดความเร็วเท่าไหร่ดี
ความเร็วเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอยู่ที่ 15-16Mbps แล้วแต่โปรโมชั่นของแต่ละค่าย ซึ่งบ้านบางหลัง ใช้ความเร็วเริ่มต้นก็เร็วจะแย่แล้ว เพราะอยุ่กันไม่กี่คน แต่ถ้าเกิดมีคนอยู่กันเยอะ มีเด็กเล่นเกม มีคนโหลดบิท หรือถ้าเป็น Office ซัก 100 คน จะใช่้ Internet ความเร็วเท่าไหร่ดี ผมมีสูตรส่วนตัวในการคำนวนแบบง่ายๆมาให้ครับ
สำหรับบ้านหรือ Office ทั่วไปที่มีคนประมาณไม่เกิน 10 คน คุณใช้ความเร็ว Internet แบบพื้นฐานตัวต่ำสุดที่ทางผู้ให้บริการจัดมาให้ก็ได้ครับ ส่วนใหญ่จะเป็น 15/1 Mbps (Download 15 Mbps / Upload 1 Mbps)
แต่ถ้าเกิด บ้านคุณคึกคัก เน้นหนักเรื่องการอัพโหลด หรือ ใช้ไฟล์วีดีโอ เยอะ ผมแนะนำให้อย่างน้อย Upload 3 Mbps (ผมใช้ Package นี้อยู่ครับ 30/3 Mbps True VDSL)
แต่ถ้าเกิดมีคนใช้งาน 10 – 30 คน ผมแนะนำให้ติดขั้นต่ำ 30Mbps – 50 Mbps
ถ้ามีคนเกิน 30 – 50 คน ก็ติด 50Mbps ขึ้นไปได้เลยครับ
ส่วนการอัพโหลด มีเยอะๆได้ก็ดี ถ้าอยู่กันหลายๆคน เพราะในความเป็นจริง บางทีเน็ตมันช้า ไม่ใช่เพราะดาวน์โหลดไม่พอนะครับ แต่เพราะท่อสำหรับขาอัพโหลดมันเต็มต่างหาก
ติดเน็ตสองเส้นไว้ด้วย
หากอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องคอขาดบาดตายของ Office คุณ … ก็โปรดพิจารณาติดเพิ่มอีกเส้นนึง เพื่อเป็น Backup Link สำหรับการใช้งานไว้ด้วยนะครับ และ ควรเลือกติดคนละยี่ห้อ เพราะถ้าคุณติดอินเทอร์เน็ตยี่ห้อเดียวกันสองเส้น แล้วเวลาล่มมันก็จะล่มพร้อมกันนั่นแหละ แล้วจะติดไปเพื่อ!!
การจะติดอินเทอร์เน็ตสองเส้น จำเป็นจะต้องมีอุปกรณ์ประเภท Load Balance ไว้ใช้งานในองค์กรด้วย หน้าที่ของ Load Balance คือ รวม Internet 2 เส้นหรือหลายๆ เส้นเป็นเส้นเดียว ซึ่งในรุ่นที่เก่งๆ ก็จะมีความสามารถเทพๆหลายอย่าง ลองไปอ่าน รีวิว Peplink Load Balance โคตรเทพ ที่ผมเขียนรีวิวไปเมื่อไม่นานประกอบด้วยก็ได้ครับ
อุปกรณ์ Network ที่ใช้ก็สำคัญ
หลายๆคนชอบเข้าใจผิด ว่าอุปกรณ์ที่ทางผู้ให้บริการแถมมา คือ จบแล้ว มีเท่านี้แหละฉันใช้งานได้แล้ว คุณคิดถูกแค่ครึ่งเดียวครับ อุปกรณ์ Router ที่ทางผู้ให้บริการให้มา สามารถรองรับจำนวนผู้ใช้งานได้ประมาณ 5-7 คนเท่านั้นครับ มัน Spec ต่ำสุด มีไว้เพื่อต่อเน็ตได้เท่านั้น แต่ถ้าเกิดคุณมีคนใช้งานมากกว่านั้น ก็ต้องพิจารณาเปลี่ยนอุปกรณ์เป็นตัวอื่น ที่มีประสิทธิภาพดีกว่า (CPU เร็วกว่า แรมเยอะกว่า และแน่นอนราคาก็จะสูงกว่า)
เพื่อที่จะรองรับคนให้ได้มากขึ้น หลายๆคนอาจจะนึกไม่ออกว่า แล้ว Spec แค่ไหน ถึงจะรองรับคนได้แค่ไหนล่ะ ผมมีประเมินคร่าวๆมาให้ครับ
แต่สุดท้ายย… บางครั้งคำนวนซะดิบดี ต้องติดอินเทอร์เน็ตความเร็วเท่านี้ๆๆๆ แต่พอเจ้าของเห็นราคารายเดือน ก็หงายหลัง แล้วก็เลือกติดเท่าที่จ่ายไหว ฮ่าาา ก็ไม่ได้ผิดหรอกครับ สุดท้ายมันก็จะกลับมาที่ค่าใช้จ่ายนั่นแหละ ว่าเราจ่ายไหวไม๊ ถ้าจ่ายไม่ไหว ก็ไม่ต้องไปฝืน แค่ปรับพฤติกรรมการใช้งานองค์กร ลดการใช้งาน Social Network กับ Youtube ลง หรือพยายามไปอัพโหลดงานในช่วงที่ไม่มีใครอยู่ Office ก็เป็นวิธีที่พอช่วยได้นะครับ