ต่อเนื่องจากการรีวิว HP LaserJet Pro M252dw ในตอนที่แล้ว มาถึงตัวที่ 2 ที่ทาง HP ส่งมาให้ นั่นคือรุ่น HP LaserJet MFP M277DW ครับ ความแตกต่างของ 2 รุ่นนี้ก็คือ รุ่น 252 จะเป็น Printer อย่างเดียว แต่รุ่น 277 จะเป็น Multifunction Printer ที่รวมความสามารถของ เครื่อง Copy / Scan / Fax / Printer เข้าไว้ด้วยกันครับ (จริงๆ Multifunction Printer ก็มีเยอะแล้วแหละครับ แต่มาดูระบบที่ทาง HP อำนวยความสะดวกไว้ให้ดีกว่า)
https://www.youtube.com/watch?v=5i1v_ndBS5M
HP Laserjet MFP M277DW ถือเป็นรุ่นพี่ของรุ่น 252DW ด้วยความครบเครื่องที่มีมาแบบเต็มเหนี่ยว เพื่อรองรับการทำงานของสำนักงานยุคใหม่ที่ต้องทำงานให้เร็วกว่าเดิมมากขึ้น ซึ่งทาง HP ก็ใส่ความสามารถเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการทำงานเข้าไปเยอะมาก อันนี้ก็เพราะว่า ตอนนี้ทุกคนใช้มือถือกับ Tablet ทำงานกันเป็นหลักแล้ว แต่เมื่อก่อนนี้ ถ้ามีเอกสารในมือถือ คุณก็ต้องเดินไปเปิดคอมอยู่ดี เพราะว่ามันลง Driver ของเครื่องพิมพ์บนมือถือไม่ได้ แต่ว่าทาง HP ได้พัฒนาให้ HP Laserjet รุ่นใหม่เกือบทุกตัวรองรับความสามารถในการพิมพ์ไร้สายเกือบทุกรูปแบบครับ
เช่น
- รองรับระบบ Network ทั้งมีสายและไร้สาย เพื่อให้ติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว ถ้าไม่มีเครือข่ายเลย ทำ Wifi Direct สั่งพิมพ์เลยก็ได้
- มีระบบ AirPrint เพื่อให้อุปกรณ์ iOS พิมพ์ได้ด้วยความรวดเร็วไม่ต้อง Setup
- พิมพ์ผ่าน NFC ก็ได้ แต่เอามือถือมาแตะผ่านสัญลักษณ์ NFC เพื่อไม่ต้องไปเปิดคอม
- เอกสารอยู่ใน Flashdrive ก็จิ้มได้เลย ไม่ต้องเปิดคอม
- ไม่ได้อยู่หน้า Office แต่อยากพิมพ์ ทุกทีต้องส่ง Mail ให้คนที่ Office พิมพ์ให้ แต่ไม่ต้องแล้ว เพราะคุณส่ง Email หาเจ้า HP Laserjet ได้โดยตรงเพื่อให้มันพิมพ์ให้เลย ไม่ต้องวานใครพิมพ์ให้อีก
- Template ของเอกสารมากมาย มีให้โหลดบนระบบ ไม่ต้องนั่งทำเอง พวก ปฏิธิน , ตารางนัด , กระดาษพล็อตกราฟ , เอกสารพื้นฐานที่ใช้ในสำนักงานมีหมดครับ
และปิดท้ายด้วยระบบ JetIntelligence ที่ทาง HP พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ HP LaserJet สามารถพิมพ์ได้เร็วมากขึ้น ประหยัดหมึกมากขึ้น และสีสันที่สดใสมากขึ้น อื้อหือ ฟังแล้วมีแต่ข้อดี แล้วมันจะดีอย่างที่โม้เอาไว้หรือเปล่า มาดูกันเลยครับ
ยกออกมาจากกล่องแล้ว ตัวไม่ใหญ่เทอะทะมากครับ ขนาดใหญ่กว่ารุ่น 252DW นิดเดียว เพราะว่าที่เพิ่มขึ้นมา ก็คือ ถาด ADF (Auto Document Feed) ที่ใช้ในการ Scan / Copy ด้านบนเท่านั้น
ช่อง ADF ข้างบน สามารถใช้ในการ Copy และ Scan ได้ ถ้ามีหลายๆแผ่น ก็วางเข้าไปได้เลย เอาเอกสารหันหน้าลงนะครับ ความเร็วของการ Scan ผ่าน ADF อยู่ที่ 21 หน้าขาวดำต่อนาที และสีที่ 14 หน้าต่อนาทีครับ
หลังจาก Scan เสร็จแล้ว จะเก็บเข้าไปใน Network Drive / USB หรือว่าส่ง Mail ไปเลยก็ได้ ผมนี่โคตรชอบเลย
พื้นที่สำหรับใช้งาน NFC อยู่ด้านขวาล่างของเครื่อง ซึ่งเป็นวิธีสั่งพิมพ์ที่เร็วที่สุดในบรรดาทุกวิธีที่ผ่านมาบนโลกเลยนะเนี่ย
Tray สำหรับใส่กระดาษอยู่หน้าเครื่อง รองรับกระดาษใหญ่ที่สุดคือ A4 และสามารถจุได้ประมาณ 200 แผ่นครับ
โฉมหน้าตัว Toner รุ่นใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยี JetIntelligence มีอยู่ 4 ตลับด้วยกัน สามารถเปิดมาเปลี่ยนได้ง่ายๆ ด้วยการดึงฝาหน้า ความเจ๋งของ Toner รุ่นนี้คือ เล็กกว่าเดิม พิมพ์ได้เยอะกว่าเดิม 28% และไม่หกเลอะเทอะเวลาเปลี่ยนอีกแล้วครับ
ถ้าเอกสารที่จะ Scan หรือ Copy ไม่สามารถใช้ช่อง ADF ได้ ก็ยังมีถาดแสกนแบบเดิมไว้ให้ครับ รองรับกระดาษใหญ่สุดที่ขนาด A4 และ เวลาจะ Scan ก็วางเอกสารชิดด้านบนซ้ายนะครับ
หน้าจอสัมผัสไว้บอกสถานะอยู่ด้านซ้าย และมีช่องสำหรับเสียบ USB อยู่ใต้จอ ซึ่งบอกเลยว่าหายากมากๆ ตอนแรกผมก็หา Port USB อยู่ มองหาที่จุดที่เรายืดนี่มองแทบไม่เห็นเลยครับ สุดท้ายเลยต้องเปิดคู่มือ ฮ่าๆๆๆๆ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาของการนำเอา USB มาใช้กับ HP LaserJet Pro M277dw ตัวนี้ก็คือ ต้องใช้ระบบเก็บไฟล์เป็น FAT เท่านั้น ใช้แบบ NTFS มาใส่แล้วจะมองไม่เห็นครับ กริ๊ดดดด
พลิกมาด้านหลังเครื่อง ก็จะเจอ ช่องสำหรับเสียบ สาย USB / RJ45 สำหรับต่อสาย LAN และ ข้างล่างเป็น RJ11 สำหรับเสียบสายโทรศัพท์เพื่อใช้งานกับเครื่อง Fax ครับ
ตอนรีวิว HP Laserjet Pro M252DW เนี่ย ผมจะไม่ค่อยได้ยุ่งกับหน้าจอสัมผัสตรงนี้มากเท่าไหร่ เพราะว่าด้วยความเป็น Printer เนี่ย เราจะทำงานผ่านอุปกรณ์ของเราเป็นหลักเพื่อสั่งให้เครื่องพิมพ์ แต่พอกลายร่างมาเป็น Multifunction Printer อย่าง HP M277DW งานนี้ได้ใช้หน้าจอสั่งการนี้แบบรัวๆเลยครับ
เมนูจะมีแบ่งง่ายเป็น 4 ส่วนหลักๆครับ
- จะทำอะไร เช่น Scan / Copy / Fax / พิมพ์ผ่าน USB
- ดูสถานะในเครื่องเช่นหมึกที่เหลือผ่านหน้าจอ Supplies
- ใช้ App เพื่อพิมพ์เอกสารเฉพาะทางออกมา เช่น ข่าวประจำวัน / เอกสาร Stationary ทั่วไป
- ปรับค่า Setting ต่างๆ
แน่นอนว่า รองรับ WPS แบบใน HP Laserjet M252dw ด้วย เชื่อมต่อ WIFI ได้ง่ายเหลือเชื่อ
ที่ผมชอบมากใน HP Printer ก็คือ หมวด App นี่แหละครับ มี App เพียบเลย เช่นอยากได้ Travel Guide ของประเทศไหน หรืออยากได้ตารางเกมไว้เล่น Crossword
Quick Forms ก็คือพวก เอกสาร Stationary แบบต่างๆ และไอ้ที่ผมงงคือมันมี Angry Birds ด้วย ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่สามารถพิมพ์ตัวการ์ตูนของ Angry Birds เป็นโครงเส้นจากนั้นก็ให้เด็กระบายสีเล่นได้นั่นแหละ
การจะดูสถานะของเครื่องก็ง่าย สั่งพิมพ์ออกมาเลยง่ายดี
ในแง่การ Manage ก็สามารถจัดการผ่านหน้าจอตรงนี้เลยก็ได้ครับ หรือถ้าอยากกดง่ายๆ ก็เปิด Browser แล้วเข้าไปที่ IP Address ของ Printer เครื่องนี้เลยก็ได้ครับ ในแง่ Security นี่จัดมาเต็มจริงๆ มีทั้ง
- HTTPS Enforcement : บังคับให้เชื่อมต่อด้วย HTTPS เท่านั้นเพื่อป้องกันการดักข้อมูลเอกสารที่เข้ามาพิมพ์
- Firewall เพื่อกำหนดว่า IP หรือ Port ไหนที่เปิดให้ใช้และเข้ามาใช้งานได้บ้าง
- Access Control List : เพื่อกำหนดและควบคุมว่าใครสามารถทำอะไรได้
- รองรับ Protocol 802.1X เพื่อทำการ Authenthication ผ่านพวก LDAP Server ด้วย
ความสามารถอีกอันที่ผมคิดว่าหลายๆ Office น่าจะชอบก็คือ ระบบพิมพ์เอกสารสองหน้าโดยอัตโนมัติครับ อันนี้ง่ายๆเลย ช่วยประหยัดกระดาษได้ 2 เท่านั่นเอง แถมการสั่งพิมพ์ 2 หน้าแบบนี้ ยังเร็วที่สุดใน Laser Printer ที่เป็นคลาสเดียวกัน แถมทำผ่าน AirPrint ก็ได้ด้วยนะครับ
ปิดท้ายด้วยความเร็วและความคมชัดในการถ่ายเอกสารสีกันซักหน่อย ผมทดสอบแบบเดียวกับ HP LaserJet M252dw นั่นก็คือ ปิดแล้วเปิดใหม่แบบสดๆ เพื่อไม่ให้มีการวอร์มตัวดรัมเอาไว้ จากนั้นก็ถ่ายเอกสารสีโดยใช้นิตยสาร Cycling Plus ที่เป็นกระดาษอาบมัน
หลังจากที่พร้อมแล้ว พอกดถ่ายเอกสารปั๊บก็ใช้เวลาประมาณ 14 วินาที ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขที่ทาง HP Claim ไว้เหมือนกันครับ ( ทาง HP เคลมไว้ว่า ถ้าเอกสารขาวดำ จะใช้เวลา 11.5 วินาที สำหรับแผ่นแรก และ 14 วินาทีสำหรับเอกสารสีครับ)
หลังจากทดลองเสร็จเรียกได้ว่าเป็น Printer ที่ผมรู้สึกว่ามันออกแบบมาเพื่อสำนักงานสมัยใหม่จริงๆครับ รองรับระบบไร้สายเกือบทุกเทคโนโลยีบนโลก , สั่งพิมพ์ผ่าน App ก็ได้ , ส่งเอกสารไปทาง Email ผ่านระบบ HP ePrint เพื่อสั่งให้มันพิมพ์ก็ได้ มันทำให้คนทำงานไม่จำเป็นต้องนั่งหน้าเครื่องเพื่อทำเอกสารอีกต่อไป
แถมคุณภาพการพิมพ์นอกจากเร็วแล้วยังโคตรดี
ก่อนหน้านี้ผมเคยไปวางระบบ IT Support ให้กับ บริษัททัวร์แห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าของแกเน้นมากๆ เรื่องของการพิมพ์เอกสารเสนอลูกค้าแล้วต้องออกมาให้สวย แกสั่งซื้อ HP LaserJet ตัวท็อปมาเลย แกบอกผมว่า ที่แกต้องลงทุนกับ Printer ขนาดนี้ เพราะว่า แกทำโปรแกรมทัวร์มา ถ่ายรูปมาสวยสุดๆ แต่ละจุดแกไปเที่ยวเองแล้วก็ถ่ายเองกับมือ แต่ถ้าเราใช้ Printer ห่วยๆ ทำเอกสารนำเสนอทัวร์ออกมาแบบง่อยๆ นอกจากลูกค้าจะไม่ได้เห็นความสวยงามที่แกไปเห็นมาแล้ว ยังอาจจะดูถูกความเป็นมืออาชีพของบริษัทแกก็ได้ครับ โอ้โหหห ผมฟังแล้วโคตรขนลุกเลย
ใครที่ทำเอกสารเสนอเจ้านาย เสนอลูกค้า ลองดูนะครับ ผมว่า เอกสารดีๆ สวยๆ มันก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของเราในการทำงานเหมือนกันนะ
สำหรับคนที่อยากดู Spec ของ HP Laserjet M252dw อย่างละเอียดมากขึ้น คลิกที่นี่
ใครที่สนใจ อยากได้และอยากให้เจ้าหน้าที่ HP ติดต่อกลับ คลิกที่นี่
ปิดท้ายด้วย Facebook Fanpage ของทาง HP Thailand ไปกด Like ติดตามข่าวสารกันได้ : https://www.facebook.com/HPthailand