ได้ยินเสียงร่ำคือความเทพของ Mi Mini Router มาซักพักแล้ว พอดีเจอ Aliexpress ลดราคาสินค้าของ Xiaomi พร้อมฟรีค่าส่ง (จริงๆก็ไม่ได้ลดเยอะหรอก เอาเข้าจริงก็แอบบวกไปแล้ว แต่ถ้าดูจาก Feature มันก็ยังถูกมากอยู่ดี) ก็เลยจัดมาคู่กันกับเจ้า Yi Camera กล้องวงจรปิด IPCam แบบครบเครื่อง นี่ก็คือรีวิวหลังจากที่ทดลองใช้มาประมาณ 2 อาทิตย์นะครับ
ของในกล่องก็ตามสูตร Xiaomi เลย มีแค่คู่มือบางๆ กับอุปกรณ์จำเป็นเท่านั้น ตอนแรกที่แกะ Mi Mini Router มาเนี่ย นึกว่าซื้อ Trackpad ของ Apple มาซะอีก
ด้านข้างคือเสาอากาศ 2.4 GHz กับ เสาอากาศ 5GHz อย่างละเสา และ Port ที่ให้มาก็เรียกได้ว่า พอมีใช้ไม่ขาดแคลน แต่ก็ไม่ได้เต็มที่นักครับ จากซ้ายสุด
- ปุ่ม Reset กลับไปสู่ค่า Factory Setting
- USB 2.0 สำหรับเสียบ External Harddisk หรือ Flashdrive ไว้ทำ File Server (ซึ่งโคตรเก่งเลย ไม่ใช่แค่ File Server ธรรมดา)
- Port 10/100 Ethernet จำนวน 2 Port สำหรับ LAN
- Port 10/100 Ethernet 1 Port สำหรับ WAN Connection
- ช่อง Power Adapter
ของในกล่องก็มีเท่านี้แหละครับ เอาล่ะ ความมันส์มันอยู่หลังจากนี้แหละ… เพราะอย่างที่รู้กันดีอุปกรณ์ของ Xiaomi ทำงานเป็นภาษาจีนเป็นหลัก ซึ่งผมโดนมาหมดแล้ว ทั้ง Xiaomi TV / กล้อง IPCam / เครื่องชั่งน้ำหนัก มีอย่างเดียวที่ใช้ง่ายสุดคือ ลำโพง Bluetooth นี่ถ้าไม่ติดว่าถูกโคตรๆ คงเขียนด่าไปและ แต่นี่ราคาถูกบรรลัยเลยบ่นไม่ได้
ตอนจะต่อ Internet เพื่อใช้งานก็เอาสายจาก Modem หลักของเราเสียบที่ LAN ช่องสีฟ้าครับ
พ่อค้าที่ขายให้ผมทาง Aliexpress แกก็บอกมาว่า วิธีเปลี่ยนเป็น เมนูภาษาอังกฤษ คือ พอ Login เข้าไปใน Router ได้แล้ว เลือกเมนูที่ 3 จากด้านบน (ซึ่งมันคือ Setting) จากนั้นเลือกตัวไอค่อนตัว I สีเหลืองๆ ลงมาล่างสุดกดเปลี่ยนภาษาให้เป็น English ครับ
ก่อนที่จะเล่าความเจ๋งของมัน มาดู Spec พื้นฐานก่อนนะครับ
เจ้านี่เป็น Wireless Router มาตรฐาน AC ที่ความเร็ว 1167 Mbps (เป็นความถี่ 2.4 GHz ซะ 300Mbps แล้วก็ความถี่ 5Ghz อีก 867 Mbps ครับ) ใช้ CPU ความเร็ว 580 Mhz กับ แรมอีก 128MB ทำให้มันรองรับ Client ได้ประมาณ 30 Clients ด้วยกันครับ สามารถแปลงร่างเป็น Wireless Router / Range Extender แล้วก็ Access Point ได้ พร้อมความสามารถอลังๆด้าน Software เจ๋งๆ ในราคาเพียงแค่ 129 หยวน หรือ 730 บาทเท่านั้น!! เล่าความเจ๋งด้าน Hardware แล้วมาดูความเจ๋งด้าน Software กันบ้าง ซึ่งผมอยากจะบอกเลยว่า Software ที่อยู่บน Wireless Router ส่วนใหญ่ ทำออกมาใช้งานเข้าใจยาก ของ Mi Router ดูแล้วสบายตาดีครับ
บอกสถานะว่าอุปกรณ์แต่ละตัว โหลดข้อมูลเป็นกี่เปอร์เซนต์ตั้งกะเปิดเครื่องมา ช่วยวิเคราะห์ความผิดปกติของ Client ใน Network ได้ดีมาก
มีกราฟโชว์ความเร็วในการ Download/Upload แบบ Realtime
บอกสถานะ CPU กับ Ram ด้วยว่าตอนนี้ใช้ไปเท่าไหร่ ยิ่งมีการโหลดเยอะ จากอุปกรณ์หลายๆตัว CPU ก็วิ่งพุ่งปริ๊ดเลย
บอกรายละเอียดอุปกรณ์ทุกตัวที่เชื่อมต่ออยู่ รวมไปถึงสามารถปิดไม่ให้ใช้ Internet บนอุปกรณ์ตัวนั้นได้ด้วย (ใครในบ้านโหลดหนักๆก็จัดเลย)
ในหน้า Storage อย่างที่บอกไป เราสามารถเอา Harddisk มาเสียบเพื่อเป็น File Server ได้ แต่ที่เด็ดคือ เราสามารถโหลดโปรแกรมจากทาง Xiaomi ชื่อว่า อะไรก็ไม่รู้อ่านไม่ออก แต่มันมีให้โหลดในหน้านี้แหละ จากนั้น ลงทะเบียนด้วย Xiaomi ID .. ก็จะทำให้เราเข้าควบคุม Wireless Router ตัวนี้ได้ครับ สามารถสั่งให้มือถือ Backup File ลงไปเก็บ หรือสั่งให้ตัว Router โหลดบิทให้เราก็ได้
แปลงร่างได้ 3 โหมด นั่นคือเป็น Wireless Router / Range Extender แล้วก็ Access Point
ในส่วนของ Wireless LAN สามารถ Block ไม่ให้อุปกรณ์ตัวที่เราเลือกไว้เชื่อมต่อเข้ามายัง Router ของเราได้อีกด้วย (ไว้ไล่พวกที่ชอบมาขอเล่นฟรีจากข้างบ้าน)
มีระบบบริหารจัดการ Bandwidth สามารถเลือกได้เลยว่าอุปกรณ์ตัวที่เชื่อมต่อกับเราอยู่ สามารถ Download / Upload ได้มากที่สุดเท่าไหร่ มีประโยชน์มากๆ สำหรับคนที่อยากจะควบคุมความเร็ว Internet โดยรวมไม่ให้โดนกระทบ
Port Forwarding ทำได้ทั้งแบบ Port เดียว และ Port Range โอ๊ยเด็ด
ปิดท้ายด้วยระบบ Update Firmware แบบอัตโนมัติ สินค้าของ Xiaomi นี่แปลกอย่างนึงคือ เวอร์ชั่นแรกๆ งั้นๆแหละ แต่จะเก่งขึ้นเรื่อยๆด้วย Firmware ใหม่ๆ
การที่จะใช้ความสามารถของ File Server บน Mi mini Router ให้เต็มที่ เราจะต้องลงโปรแกรมด้วยครับ โปรแกรมชื่ออะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน อ่านไม่ออก สามารถไปกดโหลดได้จากหน้า Storage เมื่อเราติดตั้งเสร็จแล้วให้เรา Login ด้วย Mi Account ครับ
ตัวโปรแกรมจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการโยนไฟล์เข้าไปเก็บบน External Harddisk ที่เราเสียบไว้กับ Server ครับ และไอ้ที่เด็ดมากก็คือ เราสามารถสั่งให้ Router มันโหลดไฟล์แทนเราได้ด้วย แต่เพิ่ม URL ของไฟล์ที่จะโหลด หรือแม้แต่โหลดบิท!!! แม่เจ้า แกมันจะเก่งเกินไปแล้ว
การเข้าควบคุม Mi mini Router ไม่ได้ทำผ่าน browser ได้เพียงอย่างเดียวนะครับ ถึงแม้มันจะเป็นวิธีพื้นฐานแต่เดี๋ยวนี้เค้าก็ไม่ค่อยจะใช้กันแล้วทาง Xiaomi ก็เลยทำ App ชื่อว่า mi Router มาให้เพื่อให้เรา ดูสถานะของ Router และสั่งการมันได้อีกด้วย และ มีความสามารถตัวนึงที่ต้องทำใน App เท่านั้นด้วย เป็นความสามารถที่ทำให้ Router ตัวนี้มันเก่งขึ้นเรื่อยๆครับ
แน่นอนมันบอกได้ว่าอุปกรณ์ไหน ต่อมันอยู่ ต่อด้วยความเร็วเท่าไหร่ ต่อผ่านสาย LAN หรือ Wireless และต่อบนความถี่ 2.4 หรือ 5 GHz
ถ้าเจออุปกรณ์ตัวไหนแปลกๆ เข้ามาตรวจสอบ Router มันรู้ด้วยนะครับ แต่ผมก็งงนะว่า iPhone ของผมไปซนอะไรในตัว Router กันแน่!!
คุณสามารถ Backup รูปทั้งหมดในเครื่องลงไปเก็บใน External Harddisk ที่เสียบไว้กับ Mi Router ก็ได้ โคตรเทพเลย
ดูสถานะของ Firewall ว่ามีอะไรให้ Block บ้างในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำ Blacklist อุปกรณ์ที่มาเชื่อมต่อว่าไม่ให้ออกเน็ตได้ด้วย
ถ้า Wireless Channel มันชนกัน มีระบบ Auto Optimised ทำให้ค้นหา Channel ที่มีสัญญาณรบกวนน้อยที่สุดแล้วย้ายหนีไปใช้ Channel นั้น (โอ้แม่เจ้าว้อย)
และนี่คือไฮไลท์เด็ดครับ ตัวมันสามารถอัพเกรดตัวเองให้เก่งขึ้นด้วยการโหลด Plugin มาติดตั้ง ทำให้ตั้งเวลา เปิด/ปิด WIFI ได้ , ตั้งเวลา Reboot ได้ เชื่อมต่อกับ MiTV ก็ได้ และมี App จากจีนไว้เพิ่มความสามารถอีกเยอะ (แต่อ่านไม่ออกซักตัว)
สรุปประสบการณ์การใช้งานของ Mi mini Router
- Setup ครั้งแรก เตรียมมือถือ พร้อม App Google Translate ภาษาจีนไว้ด้วย เพราะต้องใช้ถ่ายรูปแล้วแปลบ่อยมากครับ ถ้าคุณไม่มีคู่มือสำหรับสอนเปลี่ยนภาษา
- ระบบเรียนรู้เรื่อง Internet มันเก่งมาก คนที่ไม่เป็นเอามาเสียบแปบเดียวก็ทำได้
- ถ้าเป็นไปได้ โหลด App Mi Router มารอไว้ก่อนจะติดตั้วเลยดีกว่า
- จัดการ Client ในเครือข่ายได้เก่งมาก จะให้ใครเชื่อมต่อได้/ไม่ได้ .. ต่อแล้วบังคับใช้งานแต่ LAN อย่างเดียวห้ามออกเน็ตก็ได้
- คุมความเร็วแยกแต่ละ Client ได้เลย เทพมาก
- หน้า Status บอกสถานะ ดูง่าย
- Auto Update Firmware ดีมาก เพราะเอาไว้อัพเกรดความสามารถหรือแก้ Bug ต่างๆ
- รับ Client ได้น้อยมาก ประมาณ 10-15 เครื่องก็อืดแล้ว ผมโหลดบิทแค่ 4 ไฟล์ ช้าจนกระตุกทั้งเครือข่าย
- แต่จะด่ามันมากก็ไม่ได้ ค่าตัวแค่ 700 กว่าบาทเอง รวมค่าขนส่งออกมาราคา 1,200 บาท ก็ยังด่าไม่ได้อยู่ดี
- ระบบ File Server เจ๋งมาก ตั้ง Backup ก็ได้ โยนไฟล์เข้าไปก็ง่าย แถมยังใช้เป็น Bittorrent Client ได้อีก
- Lan Port น่าจะเป็น Gigabit แต่นะ ราคาแค่นี้ จะไปขอมากก็ไม่ได้
- มีบางครั้งที่ผมเล่นเน็ตอยู่ แล้วเจอ Error อะไรแปลกๆโผล่มาทาง Browser เป็นภาษาจีน ก็ชักสงสัยว่าเมิงแอบเอาข้อมูลไปส่งให้ประเทศต้นสังกัดป่าวฟระ!!