สำหรับคนที่อยากจริงจังเรื่องจักรยาน การจะหาเซนเซอร์วัดค่าสถิติเช่น รอบขา / ความเร็วแบบมานี้มาติดรถ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาเนาะ แถมยิ่งใช้ตัว Bike Computer อย่างของ Garmin ด้วยแล้ว ยิ่งขาดไม่ได้ เพราะทำให้สถิติเราละเอียดครบถ้วนมากขึ้น แต่หลังจากที่ Garmin อัพเกรดอุปกรณ์เป็นรุ่นใหม่ (Garmin 520 นั่นแหละ) ผมก็รู้สึกแย่กับตัวเซนเซอร์วัดความเร็วกับรอบขาที่มันแถมมาให้มาก เพราะมันสัญญาณขาดๆหายๆ ปั่นอยู่ดีๆ รอบขาหายไปครึ่งนึงอะไรแบบนี้ เทียบกับ Sensor รุ่นเก่าแล้ว คุณภาพต่างกันแบบฟ้ากับเหว
เรื่องให้บ่นเกี่ยวกับไอ้เซนเซอร์รุ่นใหม่นี่มีอีกเยอะ เมื่อก่อนตัวเซนเซอร์จะเป็นแค่ชิ้นเดียว คือ วัดได้ทั้งรอบขา และ ความเร็วล้อ ในตัวเดียวเลย พอมาเป็นรุ่นใหม่ เจือกทำแยกขาย รอบขา กับ ความเร็วล้อ แยกกัน ราคามหาโหด ขายแยกอันละ 1,800 ขายคู่กัน 2,700 .. เออ ถ้าคุณภาพดีจะไม่ว่าเลย แต่คุณภาพมันสั่วขนาด คนที่ Thaimtb เอามาขายมือสองกันเป็นว่าเล่น เพราะมันวัดไม่ได้เรื่อง
ที่แย่กว่านั้นคือ หาซื้อ เซนเซอร์วัดความเร็วกับรอบขารุ่นเก่าไม่ได้แล้วด้วยครับ งานนี้ ผมเองก็ต้องดิ้นรนด้วยการไปหายี่ห้ออื่นมาใช้ล่ะ และที่ค้นเจอมาก็คือเจ้า Wahoo BLUE SC ตัวนี้คร้าบ
Wahoo Fitness เป็นบริษัทที่ทำพวกอุปกรณ์ส่งเสริมการออกกำลังกาย พึ่งก่อตั้งบริษัทได้ไม่นานครับ เกิดมาเมื่อตอนปี 2014 นี่เอง แต่ก็เติบโตเร็วน่าดู เพราะปีนี้ บริษัท Wahoo Fitness ทำสัญญากับทีม sky เจ้าพ่อแชมป์ Tour De France ในการสปอนเซอร์ระบบ Indoor Trainer ให้กับ Chris Froome ที่เป็น Leader ของทีมครับ
เจ้า Wahoo BLUE SC ตัวนี้เป็นเซนเซอร์วัดความเร็วรอบขา ที่ผมว่าเจ๋งดีตรงที่รองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อ 2 อันด้วยกัน นั่นก็คือ Bluetooth Smart กับ ANT+ ครับ
ซึ่งอุปกรณ์วัดสถิติในโลกออกกำลังกายมันแบ่งเป็นสองค่าย Support กันมานาน ข้างนึงเน้น Bluetooth ข้อดีก็คือใช้กับพวก Smartphone ได้ แต่ข้อเสียก็คือ อุปกรณ์ออกกำลังกายสาย Pro ส่วนใหญ่จะไม่รองรับ
ในขณะเดียวกัน พวกสาย Pro (เช่น Garmin , CATEYE )จะเน้นไปที่มาตรฐาน ANT+ มากกว่า กลายเป็นว่า หากคุณใช้อุปกรณ์สำหรับวัดต้องมานั่งดูอีกว่าจะวัดด้วยอะไร ก็ต้องซื้ออุปกรณ์ที่มัน Support ตัวนั้นๆมาด้วย แต่ Wahoo Blue SC ตัวนี้เจ๋งดีครับ รองรับ 2 มาตรฐานเลย ฮ่า ใช้กับมือถือก็ได้ ใช้กับ Garmin ก็ได้
หน้าตาของ BLUE SC ก็จะเหมือนกับเซนเซอร์รุ่นดั้งเดิมของ Garmin แหละครับ ตรงจุดสัมผัสด้านหน้าจะเป็นตัวรับสัญญาณแม่เหล็กจากขาจาน ส่วนก้านด้านหลังก็คือตัวรับสัญญาณแม่เหล็กจากล้อหลัง
นอกจากตัวเซนเซอร์แล้ว ของในกล่องก็มีประมาณนี้ครับ
- แม่เหล็กยึดขาจาน (ต้องมีประแจหกเหลี่ยมไว้ถอดบันไดด้วยนะครับ)
- แม่เหล็กยึดซี่ล้อหลัง
- ยางยึดตัวเซนเซอร์กับเชนสเตย์
- Cable Tie ไว้ยึดตัวเซนเซอร์กรณีที่ยางรัดไม่ถึง
การติดตั้งก็ไม่ยากครับ ถอดบันไดขาจานออกมาก่อน แล้วก็ยัดตัวแม่เหล็กขาจานลงไป แต่ขาจานเสือหมอบมันใหญ่ ไอ้ยางนี่ก็โคตรเล็ก ตอนยัดลงไปก็ยากสัสๆ (อ้าวไหนบอกง่ายไง) เอาเป็นว่าข่มขืนให้เข้ารูไปได้ประมาณนี้แหละครับ
ใส่บันไดคืน วัดระยะระหว่างแม่เหล็กกับเซนเซอร์ให้ดีก่อนติดตั้ง
ถ้าระยะได้ ก็ยึดด้วย Cable Tie แล้วก็ตัดสายโลด!!
พอดีเป๊ะ.. อย่าลืมวัดแม่เหล็กซี่ล้อให้ตรงกับตัวเซนเซอร์หลังด้วยนะครับ
กลับไปที่ Garmin แล้วกด Pair หาตัวเซนเซอร์โลด ตอนกด Search All ก็ปั่นขาจาน กับล้อให้หมุน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเชื่อมต่อครับ
สำหรับฝากมือถือ หากจะใช้เจ้า BLUE SC ตัวมันรองรับ App ดังต่อไปนี้ครับ Strava / Cyclemeter / MapMyRide / Runtastic RoadBike / Wahoo Odometer / Wahoo Fitness
แต่ละตัว ไม่ใช่ยี่ห้อที่บ้านของเราใช้เลยครับ มีแค่ Strava นี่แหละที่เป็นความหวัง (ถึงแม้คนไทยจะใช้ปนๆกันระหว่าง Strava กับ Endomondo แต่ยังดีที่สองค่ายนี้มันโอนข้อมูลข้ามค่ายกันได้)
วิธีจับคู่เจ้า BLUE SC กับ Strava ก็เปิด App แล้วไปที่หน้า Record ครับ กดตรงไอค่อน Setting ที่เป็นเส้น สามเส้นมีวงกลมพาดอ่ะครับ จากนั้นเลือกตรงหัวข้อ External Sensors
กดเปิด Bluetooth Sensor ครับ จากนั้นก็ปั่นขาจานกับล้อให้หมุนติ้วๆ เพื่อกระตุ้นสัญญาณ Bluetooth ตรง Speed & Cadence จะเปลี่ยนจาก Searching เป็น Connected ครับ
เท่านี้ก็ใช้ BLUE SC บนมือถือได้แล้วครับ เย๊
โดยรวมแล้ว ผมชอบที่ค่าตัวไม่แพงมาก 2,200 บาท แต่รองรับทั้ง ความเร็วและรอบขาแถมยังได้ทั้ง Bluetooth และ ANT+ อีก ซื้อตัวเดียวเที่ยวทั่วโลก ยังไม่ได้ทดสอบความทนทานกับความแม่นยำเท่าไหร่ เดี๋ยวทดสอบเสร็จแล้วจะมาอัพเดทอีกทีครับ ใครสนใจไปซื้อได้ที่ ร้าน Mobile Sport ครับ ผมกดซื้อออนไลน์ใช้เวลา 2 วันถึง ก็โอเคดี มีถ่านกระดุมแถมมาให้อีกอันด้วย ชอบๆ