เล่าประสบการณ์ การย้าย freeware.in.th ไป DigitalOcean ระบบ Cloud ราคาประหยัดยอดฮิต

ผมเองก็เป็นคนทำงานด้านวางระบบ Hosting มาหลายปีแล้ว ช่วงหลังๆ ที่เขียน Blog ตัวเองรู้สึกว่า เว็บของตัวเองมีคนเข้าเยอะมาก จนไปเบียดเบียนทรัพยากรของลูกค้า ทำให้เว็บลูกค้าช้าๆ อึดๆ ไปด้วย แต่จะให้วาง Server ใหม่อีกเครื่องเพื่อเว็บตัวเองเว็บเดียวมันก็ดูจะเกินไปหน่อยแฮะ เลยตัดสินใจกระโดดไปใช้บริการ Cloud ราคาประหยัดอย่าง DigitalOcean บ้าง

Digital Ocean เป็นผู้ให้บริการ Cloud Platform สำหรับ Developer ในราคาที่แสนจะถูกมาก นั่นก็คือ อยากจะเปิดเครื่อง Spec ต่ำสุด (1 CPU + 512MB Ram + Data Transfer 1TB ) จ่ายแค่เดือนละ 5$ เท่านั้นเองครับ ราคาเร้าใจสุดๆ ราคานี่ถ้าเป็นยี่ห้ออื่นจะแพงกว่านี้เกือบๆ 30 – 40% เลยทีเดียว

แต่ที่บอกว่า มันเป็น Cloud Platform ของ Developer ก็เพราะว่า เครื่องไม้เครื่องมือข้างใน มันจะเป็นของ Developer โดยเฉพาะ ทำให้ ต้องใช้ความรู้ด้าน linux ในการติดตั้งและใช้งานกันอยู่บ้าง

อย่าง Freeware.in.th เป็น Blog ที่ทำงานบน WordPress โดยที่ข้อมูลข้างในค่อนข้างใหญ่มาก คือพวกไฟล์รูปพวกข้อมูลอื่นๆ ก็ประมาณ 20GB ส่วนฐานข้อมูลก็ใหญ่ประมาณ 100MB ครับ

การใช้งานครั้งนี้ ผมเลือกเปิด Package ตัวที่ 2 ของ Digital Ocean ครับ (1 CPU + 1GB Ram + Data Transfer 2TB)  ราคาประมาณ 10$ ต่อเดือน หรือ 300 กว่าบาทเท่านั้นเอง

ที่ Digital Ocean มีบริการ Server ให้เราเลือกใช้ในหลายเขตพื้นที่ และล่าสุดก็พึ่งจะมีประเทศ Singapore ให้บริการ ซึ่งถ้าเว็บของเราให้บริการกับคนไทยเป็นหลักก็เลือกวางที่ Singapore เลยครับ เร็วสุดๆในเขตนี้

แต่ถ้าเกิดคุณทำเว็บที่ให้บริการลูกค้าในสหรัฐ ก็สามารถเลือก New York หรือ San Francisco เพื่อให้ Network Access เร็วกว่าก็ได้ครับ

ที่เจ๋งคือ Server จะมีบริการ Network เสริมอย่าง Private Network หรือ IPv6 ให้ใช้บริการด้วยครับ

เมื่อเลือก Spec กับ พื้นที่แล้ว ขั้นต่อมาก็เลือกว่าจะให้ระบบปฏิบัติการใน Server ของเราเป็นอะไร ซึ่งก็มี Linux หลายแบบให้เลือก ทั้ง Ubuntu , Fedora , Debian , CoreOS , Centos  มีทั้ง 32bit และ 64bit

ตรงนี้แล้วแต่ความชอบ แต่ถ้าใครมือใหม่ผมแนะนำให้เลือก Ubuntu นะครับ เพราะมันมี Help ใน Internet ให้เราค้นหามากที่สุด

หรือถ้าคุณไม่อยากจะ Setup Server เองตั้งแต่ศูนย์ ก็สามารถเลือก Application พื้นฐานที่ทาง DigitalOcean มีให้บริการอยู่แล้วด้วยครับ รองรับหลายแบบมากทั้ง Ruby on Rail , LAMP , Django , Docker , Ghost , Gitlab

แต่สำหรับ Blogger อย่างเรา เลือก WordPress on Ubuntu เลยครับ ระบบจะติดตั้ง Webserver + Database พร้อมลง WordPress มาให้เลย

เมื่อเปิดใช้งานเสร็จแล้วทาง Digital Ocean ก็จะส่งรายละเอียดมาทาง Email เป็นรหัส SSH (Socket Secure Shell) และ IP Address สำหรับให้เรา remote เข้าไปสร้างได้เลย ความเจ๋งก็คือ เวลาเรากดสร้าง Server 1 เครื่องใช้เวลาเพียงแค่ 55 วินาทีเท่านั้นครับ

ขั้นตอนการย้ายออกของผม เริ่มจากการ Export ข้อมูลออกมาเป็นไฟล์ก่อน จากนั้น ผมก็เข้าไปที่ Server ใน DigitalOcean เพื่อดูดข้อมูลออกมาทาง FTP

ขั้นตอนการดูดนานมากๆ เพราะไฟล์โคตรเยอะ และ โคตรใหญ่ ผมถึงกับบ่นออก Facebook เลยว่า

โดยที่การย้ายครั้งนี้ของผมเจอปัญหามากมายเลยครับ เพราะผมเองก็ยังเป็นมือใหม่กับ Linux มากๆ (เพราะผมเป็น Network Admin สาย Windows มาโดยตลอด)

ปัญหาแรกก็คือ แทบไม่เคยใช้งาน Linux ในระดับที่ต้องลงอะไรเองจากศูนย์มาก่อน ก็เลยต้องไปรื้อการใช้ Command Line มาเยอะมากๆ ทำผิดแล้วแก้ไม่ได้ จนทำให้ Server พัง ต้องระเบิดทิ้งแล้วติดตั้งใหม่หลายต่อหลายครั้ง ดังนั้น มือใหม่ที่อยากจะใช้ DigitalOcean ก็ทำความเข้าใจเรื่องคำสั่ง ssh ให้แม่นๆ โดยเฉพาะ คำสั่ง ls , cd , nano , apt-get อะไรพวกนี้ ทำความเข้าใจไว้เยอะๆครับ

ปัญหาต่อมาก็คือ ผมลืมปิดระบบ Caching บน WordPress ทำให้เมื่อโยกข้อมูลจาก Server เก่าไปยัง Server ใหม่ที่ DigitalOcean มันเลยตีกัน ไม่สามารถทำงานได้แถมจะไปปิดระบบ Cache บน DigitalOcean ก็ทำไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องถล่ม Server ทิ้งแล้วติดตั้งใหม่อีกรอบ

ปัญหาต่อมาคือ ในระบบเก่ามีการใช้ CDN (Content Delivery Network) ที่เอาไว้ลดภาระ Bandwidth ของ Server ผ่านระบบของ Byteark เอาไว้ แล้วตอนย้ายมาพวก Link ในการเรียกไฟล์รูปมีปัญหา ปรากฏว่า รูปเรียกไม่ขึ้นทั้งเว็บเลย ไปแก้จากข้างในก็ไม่ได้ ต้องถล่มทิ้งแล้วย้ายใหม่อีกรอบ โดยที่ต้องแก้ Link พวกรูปใหม่ให้หมดก่อน ฮ่าๆ (หัวเราะทั้งน้ำตา)

นอกจากเจอปัญหาของ Caching แล้วเจอปัญหาเรื่องของการ Import Database ที่ใหญ่มากอีกต่างหาก และอย่างที่บอกไป มันให้เราทำ Manual แบบทุกเม็ด สุดท้ายผมก็เลย ต้องหั่น DB เป็นส่วนๆ แล้วค่อยๆ Import ไปทีละไฟล์ (บรรดาเซียน Database ทั้งหลายคงบอกว่า โถ ก็ import ผ่าน command line ตรงๆเลยสิ บอกตรงๆว่า ลืมคิดจริงๆครับ มานึกได้ตอนนี้)

 

สุดท้าย กว่าจะประกอบร่างทุกอย่างรวมกันได้ ก็เหนื่อยเละเทะ เป็นที่สุด แล้วก็รัน Freeware.in.th กลับขึ้นมาได้ โดยที่ Stat ทุกอย่างยังคงต่อเนื่องเหมือนเดิม

ประสิทธิภาพล่ะ???

เท่าที่ดู เร็วกว่าเดิมอีกนะครับ ฮ่าๆ ถึงแม้ Server จะอยู่ที่ Singapore แต่ความเร็วก็ของ Server ค่อนข้างเร็วมาก อาจจะเพราะมันทำงานอยู่บน SSD ด้วย เพราะจุดขายอีกอย่างของ DigitalOcean คือ มันเป็น Cloud ที่ทำงานอยู่บน Solid State Drive ครับ (แบบว่าเร็วชิปหายยยย)

กราฟ Bandwidth แสดงว่า ตอนนี้ยังใช้งานน้อยมากๆ (สาเหตุอาจจะเพราะว่า มี CDN อย่าง Byteark ช่วยลดภาระด้วย ทำให้ไม่โหลดที่ Server ตัวนี้มากนัก)

กราฟ CPU กับ Disk ก็ค่อนข้างนิ่งมากๆ ตอนนี้พึ่งจะย้ายมาได้ ไม่กี่วัน เดี๋ยวขอ Monitor เพิ่มเติม เผื่อจะมาอัพเดทว่า Server เดือนละ 300 บาท สามารถรองรับคนเข้าเว็บวันละ 10,000 UIP ได้แค่ไหนครับ

จากการทดสอบรัน Freeware.in.th + Server ที่ผมทำทดสอบนั่นนี่โน่นอีกนิดหน่อย ตอนนี้ทาง DigitalOcean คิดเงินผมมาแค่ 7.34$ เองครับ 200 กว่าบาทเท่านั้นเองฮ่าๆ

ทีนี้ ถ้าเผื่อใครอยากจะลองใช้ DigitalOcean บ้าง  กดสมัคร Link นี้ ต่อจากผมไปเลยครับ คุณจะได้รับ 10$ ใน Account ของ DigitalOcean ฟรี เอาง่ายๆ ก็สามารถทดลอง Server ตัวแรกสุดได้นานตั้ง 2 เดือนเลยนะ โคตรคุ้มครับ

ไว้ตอนหน้าจะมาสอนการสร้าง Control Panel ไว้ควบคุมการสร้างเว็บใน DigitalOcean นะครับ

อย่าลืม กดสมัคร DigitalOcean ตรงนี้ รับ credit 10$ ฟรีครับ https://www.digitalocean.com/?refcode=76086af84c85

• Facebook
• Twitter
• Line