Home -> Review -> รีวิว Wireless Router ของ Engenius รุ่น ESR-600H – ของเทพในราคาที่เอื้อมถึง

รีวิว Wireless Router ของ Engenius รุ่น ESR-600H – ของเทพในราคาที่เอื้อมถึง

เขียนจั่วหัวเว่อร์ไปหน่อยแฮะ.. แต่พอดีช่วงนี้เป็นช่วงที่อุปกรณ์ network กำลังเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีไปสู่ยุคใหม่ที่เป็นมาตรฐาน 802.11ac กันพอดี ทำให้บรรดา Wireless Router ที่เป็นรุ่นสูงๆของยุคก่อนที่ตัวนึงราคา 5,000 – 6,000 บาทกันเป็นอย่างน้อย ราคาถอยลงมาเกินครึ่ง ก็เลยจัดมาซักตัวนึงเผื่อใครอยากจะรู้ว่าของแรงๆมันดียังไง

ยี่ห้อ Engenius เป็นน้องใหม่ในวงการ Network ที่เข้ามาในบ้านเราประมาณปี 2007 ได้ ตอนนั้น Engenius ได้รับชื่อเสียงโด่งดังจากรุ่น ECB-3200 ที่เป็น Access Point กำลังส่งสูง เพราะตอนนั้น Wireless LAN ในบ้านเรามีแต่ตัวแบบง่อยเปลี้ยเสียขา เดินออกมาไกลหน่อย สัญญาณก็เหี่ยวกันแล้ว ในช่วงนั้นผมเองก็ชอบ Engenius ตัวนั้นมาก ก็เลยเอาไปติดตั้งให้กับลูกค้าหลายคน ซึ่งผ่านมาหลายปีแล้วก็ยังทำงานได้ดีอยู่

พอดีกับทาง @hiakoe ผู้ที่เป็นผู้นำเข้าตัวอุปกรณ์ Network จาก Engenius ซึ่งตอนนี้กลายเป็นเจ้าบ่าวมือใหม่ไปแล้ว ได้นำ Engenius ซีรีส์ใหม่เข้ามาจำหน่าย ผมก็เลยไปขอหลอยมาทดสอบซักหนึ่งรุ่น เป็นรุ่นรองท็อป ESR-600H ครับ

ว่าแล้วก็มาแกะกล่องเลยดีกว่า ขี้เกียจเวิ่นเว้อมาก …. เมื่อแกะกล่องนี้ออกมา จะพบเจอของดังต่อไปนี้ครับ

  • ตัว Router ESR-600H
  • เสาอากาศ 2.4Ghz กำลัง 5dBi จำนวน 2 เสา
  • Adapter / สาย LAN
  • แผ่น CD ข้อมูลของ ESR-600H
  • หมุดยึดกำแพง

เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ไม่ต่างอะไรกับ Wireless Router ทั่วไปครับ แต่ว่าทาง @hiakoe แกบอกมาว่า Series นี้ของ Engenius เน้นแรงครับ หน้ากล่องเขียนเอาไว้เลยว่าส่งสัญญาณได้ไกลถึง 1,600 ฟุตกันเลยทีเดียว (เหยดด จะไกลไปไหนฟระ) เพราะว่าให้เสาอากาศ 5dBi มาด้วย 2 ต้นด้วยกัน (Wireless Router ทั่วไปจะให้เสาแค่ 2dBi มาครับ) มาดูหน้าตาโดยรอบของ ESR-600H กันหน่อยดีกว่า

เมื่อประกอบร่างแล้วก็จะหน้าตาแบบนี้แหละครับ ตัวเครื่องเป็นพลาสติกมันวาว น้ำหนักไม่มาก แต่จับดูจะรู้ว่า ประกอบมาได้แข็งแรง ไม่เปราะ ให้ความรู้สึกมั่นใจว่า เวลาใช้งานไปนานๆ ถึงเครื่องจะร้อน แต่พลาสติกมันก็จะไม่กรอบเป็นโกโก้ครันช์ (เคยเจอจริงๆนะ เครื่องแบบนั้นน่ะ)

ด้านหน้าก็เป็นไฟบอกสถานะต่างๆ แล้วด้านซ้ายสุดจะเป็นปุ่มกด WPS เพื่อกดรับ Client เข้ามาใช้งานโดยที่ไม่ต้องบอก Key กับคนที่อยากเข้ามาใช้ แล้วก็มีไฟบอกแยกกันด้วย สำหรับความถี่ไร้สายทั้ง 2.4Ghz และ 5Ghz ห๊ะ ผมลืมบอกไปหรอครับว่า ESR600-H ตัวนี้มันเป็น DualBand + Dual Radio ซึ่งสามารถปล่อย Wireless LAN ไร้สาย ทั้ง 2.4Ghz และ 5Ghz ออกมาพร้อมๆกัน ซึ่งจะเหมาะมากสำหรับยุคสมัยที่ Wireless LAN แทบจะทับกันตายอยู่แล้ว

Dual Band และ Dual Radio คืออะไร….

ในยุคสมัยที่ Wireless LAN ได้รับความนิยมมาก คนก็เลยมีใช้กันเยอะแยะเต็มไปหมด แต่ปัญหาคือ Channel ของ Wireless LAN แบบ 2.4Ghz มันมีให้ใช้แค่ 13 Channel เท่านั้น และที่หนักกว่าอีก คือประเทศไทยให้ใช้ได้แค่ 11 Channel .. ซึ่ง Wireless LAN 2 ตัวเวลามันอยู่ Channel เดียวกัน ความถี่มันจะชนกันจนทำให้เกิด Collision ในระบบครับ พูดง่ายๆก็คือ จะมี Noise กวนในบริเวณนั้นเยอะมากๆนั่นเอง

วิธีแก้ไขก็คือ ย้าย Channel อย่าให้ชนกัน แต่เนื่องมาจาก Channel ที่เรามีมันก็น้อยเหลือเกิน แถมการย้าย Channel ไม่ให้ชน จะต้องย้ายอย่างน้อย +/- 3 Channel ครับ เพราะจะต้องใช้ความกว้างของ Channel ทั้งหมด 4 Channel ในการปล่อยความเร็วสำหรับ Wireless-N และ อีก 2 Channel ซ้ายขวา ในการทำ Guard Band เพื่อไม่ให้ ข้อมูลมาชนกันอีก ถ้างง ก็ดูตามรูปนะครับ

นั่นก็คือ ถ้ามี Wireless Router ตัวนึงวางที่ Channel 1 แล้ว อีกตัวจะต้องไปวางที่ Channel 6 เลย เพื่อไม่ให้ชนกันนั่นเองครับ และอีกตัวก็จะวางที่ Channel 11 ซึ่งหมายความว่าใน พื้นที่หนึ่งๆ จะสามารถวาง Wireless Router ได้เพียงแต่ 3 ตัวเท่านั้น แต่โลกตอนนี้ มันมีอุปกรณ์ Wireless LAN เยอะมาก ชนิดกด Scan ทีนึง เจออย่างท่วมเลยครับ

ซึ่งทางแก้ก็คือ หาความถี่เพิ่ม ซึ่งประเทศไทยเองก็พึ่งจะอนุมัติให้ใช้ความถี่ 5Ghz ได้ ไม่นานมานี้ บรรดาอุปกรณ์ Network ก็เลยค่อยๆทยอยออกตัวที่ออกมารองรับ ความถี่ 5Ghz ด้วย ซึ่ง ถ้าเกิดปล่อยออกมาได้ 2 ความถี่ เค้าเรียกว่า Dual Radio ครับ

แล้ว Dual Band คืออะไร..

ถึงอุปกรณ์ Network บางตัวจะเขียนตัวใหญ่ๆว่า ฉันรองรับความถี่ทั้ง 2.4Ghz และ 5Ghz นะ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าใช้ได้พร้อมๆกันนะครับ มันให้ใช้งานได้แค่ ครั้งละ 1 ความถี่เท่านั้น ถ้าใช้ 2.4Ghz ก็ต้องปิด 5Ghz ไป … เจ้าพวกนี้เค้าเรียกว่า Single Band นั่นเองครับ ก็คือ เจ๋ง แต่ไม่เจ๋งจริงน่ะแหละ ซึ่งถ้าเกิดมีความสามารถ Dual Band + Dual Radio ก็แปลว่า ปล่อยความถี่ 2.4Ghz และ 5Ghz ออกมาพร้อมๆกันได้นั่นเองครับ

ปล.. ความถี่ 5Ghz จะใช้ได้ อุปกรณ์ฝั่งรับ จะต้องรองรับความถี่ 5Ghz ด้วยเหมือนกันนะครับ เช่น iPad2 , iPad3 , iPhone5 และการ์ด LAN รุ่นใหม่ๆเป็นต้น ซึ่งข้อดีคือ Channel ของ 5Ghz มีเพียบบบ ทำให้ถนนในการส่งข้อมูลลื่นกว่า 2.4Ghz อย่างมากเลยครับ

มาดูด้านหลังกันบ้าง ก็

  • มีปุ่ม เปิด/ปิด ..
  • ช่องต่อ Adapter
  • Port Lan เป็นแบบ Gigabit Port ด้วย มีทั้งหมด 4 Port นะครับ
  • Port WAN ยังเป็น Gigabit เลยครับ เพื่อความเร็วแบบเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งระบบ
  • Port USB ซึ่งสามารถนำมาใช้ต่อกับ External Harddisk , Flashdrive เพื่อทำเป็นระบบ File Server ใน Network แถมยังต่อกับ Printer เพื่อแชร์ Printer ใน Network ได้อีกด้วย

ข้อมูลทางเทคนิคทั้งหมดจะถูกแปะไว้ใต้เครื่อง ไม่ว่าจะเป็น Serial No. , Mac Address ,PIN สำหรับการเชื่อมต่อแบบ WPS , Hardware Version และ Software version ด้วยครับ ทำให้เราสามารถหาข้อมูลมาตอบทาง Support ได้ถูกต้องเวลาต้องการความช่วยเหลือ ที่สำคัญ User+PW ที่เป็นค่า Default ก็จะถูกแปะอยู่ใต้เครื่องด้วยครับ ซึ่งถ้าจะใช้งานแล้ว อย่าลืมไปแก้ค่าพวกนี้ด้วยนะ

หลังจากที่สำรวจภายนอกเสร็จ ก็จัดการต่อเข้ากับ Network ที่คอนโดครับ ผมใช้ True Ultra Hispeed ADSL 13/1 ซึ่งก็จะมี ADSL Router ตัวนี้ ทำหน้าที่ Bridge สัญญาณ Internet เข้ากับ ESR-600H ตัวนี้ให้ สำหรับหน้าจอแรกหลัง Login เข้ามา เราจะพบหน้าสรุปสถานะของอุปกรณ์ ต่างๆใน Network เราครับ ว่าเราเปิดอะไรไว้บ้าง และมีอุปกรณ์อะไรเชื่อมต่อกับ Wireless Router ตัวนี้บ้าง เรียกได้ว่า ถ้าข้างบ้านแอบใช้มาดูหน้านี้ เราก็รู้เลยล่ะครับ

ถ้าคุณต่อ Network ไม่เป็น ตัว ESR-600H จะมี Wizard สอนแบบ Step by Step ให้ครับ ว่าจะต้องประกอบยังไงถึงจะใช้งานได้ แจ๋วมากครับ

เมื่อทำตาม Wizard เสร็จก็จะเข้ามาที่หน้าเมนูรวมนี่แหละครับ ซึ่งจะเห็นว่าปรับแต่งได้เยอะมากๆ

ในการตั้งค่าแบบ Advance ของ Wireless LAN จะมีการกำหนด Channel Bandwidth ให้ด้วย ซึ่งถ้าเป็น 20/40 Mhz จะสามารถทำให้คุณเร่งความเร็วในการส่งข้อมูลได้ถึง 300Mbps เลยล่ะครับ ซึ่งถ้าเกิดเราไม่ได้ มา setup ค่านี้ บวกกับ ค่าใน การ์ด LAN (ผมเคยเขียน Blog สอนไว้ที่นี่) จะทำให้คุณใช้งานความเร็วได้แค่ 65Mbps – 150Mbps เองครับ ส่วนกำลังส่ง คือ Tx Power .. ค่า Default ที่มากับเครื่อง คือ เปิดไว้แค่ 25% !!! ขนาดเปิดแค่นั้น สัญญาณยังแรงทั่วคอนโดผมแล้ว .. นี่ถ้าเปิดเต็ม 100% ไม่ทะลุไปปากซอยเลยเรอะ!!

มาตรฐานการเข้ารหัสของ WIFI ก็รองรับถึง WPA2 แบบ AES และ TKIP ครับ ซึ่งก็ถือว่าสูงเกือบสุดตอนนี้แล้วนะครับ

มีระบบ Wireless Access Control ทำการกำหนดได้ว่าอุปกรณ์ที่มี Mac Address ไหนจะสามารถเข้ามาใช้เครือข่ายไร้สายของเราได้บ้าง

สำหรับการ Setup Wireless แบบ 5Ghz ก็จะมี Channel มาให้เลือกดังต่อไปนี้ ซึ่งแต่ละ Channel นั้น กำหนดมาแล้วว่าจะไม่ทับซ้อนกันอย่างแน่นอน

ตัว ESR-600H รองรับมาตรฐานของ VPN มากมายทั้ง L2TP , PPTP ซึ่งสามารถรองรับได้ 5 Tunnel ด้วยกัน

และที่ผมชอบมาก ก็คือ มันมีกราฟบอกความเร็วของทั้ง WAN / LAN และของ Wireless ทั้ง 2.4Ghz และ 5Ghz แยกกันให้ด้วยครับ เวลา Net ช้าๆ เราจะได้มาตรวจสอบดูได้ว่า มันมี Load ที่ตรงไหน สามารถช่วยให้ตรวจสอบได้ง่ายมากๆครับ

สามารถทำระบบ File Server ใน Network ได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ Set เป็น กรอกๆนิดหน่อยก็ใช้งานได้ ส่วนคนที่งงๆ เค้าจะมีโปรแกรม NetUSB มาให้ช่วยทำเรื่องแชร์ไฟล์ได้ง่ายขึ้นครับ

สรุปการใช้งาน ESR-600H มาประมาณ 1 อาทิตย์นึงนะครับ ไล่ไปตามความรู้สึกของผมทีละข้อเลย

  1. ใช้ง่าย เพราะระบบ Wizard ในการสอนการเชื่อมต่อทำได้ดีมาก ทำให้คนที่ไม่เป็น Network ก็ยังสามารถดำน้ำตอนประกอบใช้งานได้
  2. รองรับ Dual Band + Dual Radio และกำลังส่งสูงมาก เหมาะกับการนำไปใช้ในพื้นที่ ที่มี AP เยอะๆหลายตัว เพราะเราจะมี ความถี่ 5Ghz ไว้ใช้สำรอง
  3. รองรับมาตรฐานให้กับผู้ใช้งานใช้ได้อย่างสะดวก แต่ก็มี Feature สำหรับพวกเซียน Network ให้ใช้ด้วยเหมือนกัน .. ถ้าคนธรรมดานึกอะไรไม่ออกก็เลือก Auto เข้าไว้ ก็พอ
  4. มีกราฟบอกสถานะความเร็ว ซึ่งอันนี้แจ่มมากๆ
  5. Gigabit Port ทั้ง LAN และ WAN เหมาะกับการนำไปใช้ในจุดที่ต้องการความเร็วสูงๆ
  6. ทำ File Server ผ่าน USB ได้ ผมทดสอบดูหนังจาก External Harddisk ผ่าน Network ก็ยังดูได้อยู่ (หนัง HD 720p)
และที่หลายๆคนอยากรู้คือ ราคาครับ .. เห็นว่า ราคาประมาณ 3 พันปลายๆเท่านั้นสำหรับ Wireless Router เจ๋งๆแบบนี้ ก็จะเหมาะมากกับ บ้านหลังใหญ่ๆ ที่พวก Wireless Router รุ่นเล็กเอาไม่อยู่ แล้วก็ พวก Small Office ที่มีพนักงานไม่เกิน 10 คนครับ ใช้งานเจ้านี่ตัวเดียวเอาอยู่ทั้ง Office ครับ

Check Also

รีวิว Auto-Empty Dock ของที่ต้องมีถ้ามีคุณ Roborock s7

ไม่ต้องเกริ่นเยอะ สำหรับคนที่ใช้งานหุ่นยนต์ทำความสะอาด ถึงแม้ว่ามันจะสะดวกสบายก็เถอะ แต่มันก็ยังเหลือ ภาระนิดๆ ให้คุณต้องมาจัดการบ่อยๆ นั่นก็คือ ต้องเอาฝุ่นใน Dustbin มันมาทิ้ง!! Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine

131 comments

  1. ชัยฑัต บุญสู่สกุล

    สามารถนำมาใช้บนพื้นที่ 80X80 เมตรได้ไม่ เครื่องตั้งไว้ที่ มุมซ้ายล่าง(เป็นอาคารชั้นเดียว) ประมาณ 15X15 เมตร จุดรับ บริเวณ มุมขวาบน พื้นที่รวม 30X50 เมตร เป็นบ้านพักชั้นเดียว 15 หลัง

    • มันส่งถึงนะครับ แต่เครื่องที่คุณรับเนี่ย จะมีแรงส่งกลับได้หรือเปล่า เพราะการสื่อสารจะต้องส่งและรับกัน 2 ข้างจริงไหมครับ
      ดังนั้น ถ้าซื้อตัวนี้เพื่อเพิ่้มระยะแล้ว คุณจะต้องซื้ออุปกรณ์ข้างรับ เพื่อเพิ่มกำลังให้มันส่งกลับมาหา Router ให้ได้ด้วยนะครับ

Leave a Reply