รู้สึกเหมือนกลายเป็นหน้าที่ไปแล้ว ว่าถ้า Apple จัดงานเปิดตัวอะไรซักอย่าง ผมก็อยากจะหาเรื่องแปลมาให้ทั้งแฟนรายการแบไต๋ และ แฟนๆของ Freeware.in.th อ่านกัน เพื่อที่จะได้มีอารมณ์ร่วมไปกับงานแบบนี้ด้วย งานนี้มีชื่อว่า It’s only rock and roll event ซึ่งจัดที่ Yerba Buena Center ที่อยู่ใน San Francisco ครับ เอ้า มาดูกันเลยว่า Keynote ครั้งนี้จะมีอะไรบ้าง กดอ่านโลดครับ
รายงานครั้งนี้ อาศัย รูปและ Live Report จาก engadget.com ครับ
Dear anyone who accidentally found this page. This is a translation from Apple Event “It’s only rock and roll event”. All text and Pictures has been taken from engadget.com. Thanks a lot.
9 โมงเช้า ทีมงาน Engadget.com ก็เริ่ม Live Blog ทันทีครับ ตอนนี้ Bloggers หลายท่าน สื่อต่างๆ ดาราดังๆ ก็มากันให้เพียบ เพื่อที่จะรอเข้าไปฟังการเปิดตัว Keynote ของงานนี้ครับ
ทาง Engadget บอกว่าทาง Apple เตรียมงานไว้ดีมาก เพราะ Wifi และปลั๊กไฟ มีเพียงพอสำหรับทุกคนครับ
เวลาเกือบๆ สิบโมง งานก็กำลังจะเริ่มแล้วครับ บรรยากาศก็มีเสียงเพลงร็อคจากวงดังๆต่างๆไม่ว่าจะเป็น The Who , Green Day , Jimi Hendrix .. สมชื่องานครับ It’s only Rock and Roll จริงๆ
10 โมงตรง.. Keynote ก็เริ่มขึ้นครับ และแล้ว ศาสดาก็กลับมาแล้วครับ ฮ่าๆ Steve Jobs ซึ่งตอนนี้ หายจากการเป็นมะเร็งตับอ่อน ด้วยการปลูกถ่ายตับจาก ชายหนุ่มวัย 20 ปีที่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หน้าตาและรูปร่างก็ยังดูผอมอยู่เหมือนยังไม่ค่อยฟื้นตัวครับ ส่วนเสียงก็แหบเอาเรื่องเหมือนกัน
Steve Job ก็กล่าวทักทายถึงทุกคนและขอบคุณบรรดาทีมงานที่ช่วยกันทำงานอย่างหนักในช่วงที่เขาป่วยไปประมาณ 5 เดือนที่ผ่านมานี้ครับ
และเขาก็บอกว่า เวลาผ่านมา 2 ปี ตอนนี้ iPhone ขายไปได้กว่า 30 ล้านเครื่องแล้วครับ (เป็นของ Hack ซะเกินครึ่งมั้งผมว่า) ตลอดปีที่ผ่านมา AppStore ของ Apple มีโปรแกรมกว่า 75,000 โปรแกรม มีคนดาวน์โหลดโปรแกรมไปมากกว่า 1.8 พันล้านครั้ง
และวันนี้สิ่งที่ Steve Job จะเปิดตัวเป็นชิ้นแรกนั่นคือ iPhone OS 3.1 ครับ
ความสามารถเด่นๆก็คือ ระบบ Genius แบบใหม่ ซึ่งทำงานบนโปรแกรมใน AppStore ด้วย ชอบโปรแกรมตัวไหน ก็มีโปรแกรมที่คนอื่นแนะนำกันมาให้โหลดกัน (ยิ่งโหลด Apple ก็ยิ่งรวย ฮ่า)
ต่อมาก็คือ Ringtone ครับ ใน iTunes Store มีริงโทนให้โหลดมากกว่า 30,000 เพลง
และราคาเพียง 1.29$ เท่านั้น (เกือบๆ 50 บาท … ตัดเองก็ได้น้า)
ซึ่ง iPhone OS 3.1 นั้น อัพเกรดฟรีสำหรับ iPhone และ iPod Touch 3.0 ครับ
กลับมาที่ iTunes Store ซึ่งตอนนี้กระจายไปกว่า 23 ประเทศ ขึ้นแท่น ร้านขายเพลงออนไลน์ อันดับ 1 ของโลกไปเรียบร้อยแล้ว ( แต่ขออย่างเหอะ เปิด iTune Music Store ของไทยซะทีจะได้ไหม)
ปัจจุบัน iTube Store ขายเพลงไปแล้วกว่า 8.5 พันล้านเพลง.. โอ้มายก๊อด
และมีบัญชีผู้ใช้กว่า 100 ล้านคน ที่มีบัตรเครดิตลงทะเบียนไว้
และสิ่งต่อไปที่ Steve Job จะเปิดตัว นั่นก็คือ โปรแกรม iTune version 9.0
จุดเด่นของ iTune 9 ก็คือ ความสามารถ Genius ที่เรารวบรวมมาจาก การใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน .. ซึ่งปัจจุบัน มีเพลงมากกว่า 54 พันล้านเพลง และ 27 ล้าน Album ที่ถูกเลือกมาทำ Genius Playlist
ซึ่งทาง Apple ได้อัพเกรดระบบ Genius ให้กลายเป็นระบบ Genius Mix .. มีความสามารถเลือกเพลงมาค้นหาอย่างต่อเนื่องกันได้เรื่อยๆ เหมือนสถานีวิทยุที่มี ดีเจ เปิดแผ่นกันเลย
ใน iTune 9 เพิ่มความสามารถในการ Sync กับอุปกรณ์ iPod ได้ดีขึ้น นอกเหนือจาก Sync แบบ Playlist แล้ว ยังสามารถเลือก Sync ผ่านรูปแบบหลายๆอย่างได้ด้วย เช่น เลือกเอาแต่นักร้องคนนี้ , หรือ สไตล์เพลงแบบ Rock เท่านั้น อะไรแบบนี้
การ Sync รูปก็ทำได้ดีขึ้น จะเลือก Sync อัลบั้มภาพ ที่มีเหตุการณ์ (event) เกิดขึ้นเฉพาะก็ได้ หรือจะเลือก Sync กับ หนังเรื่องล่าสุด 3 เรื่องที่เช่ามาจาก iTunes Store ก็ได้
ปรับปรุงการ Sync App ให้เราจัดวางตำแหน่งของ App ใน iPod Touch และ iPhone ได้จาก iTunes เลย
เพิ่มระบบ Home Sharing .. ให้สิทธิ์ในการที่คุณจะแชร์ เพลง หนัง รูปของคุณ ไปยังคอมพิวเตอร์อีก 5 เครื่องอื่นๆภายในบ้าน
ปรับปรุงหน้า Store ใหม่ ให้อ่านง่ายขึ้น ไม่รกหู รกตา
เพิ่มสินค้าหมวดใหม่ใน iTune Store เพื่อเอาใจคอเพลงเก่า สมัยแผ่นเสียง นั่นคือ iTunes LP (Long Play) ครับ ทาง Apple ได้มีการนำเอา แผ่นเสียงอัลบั้มเก่าๆและดังๆมาวางจำหน่าย ซึ่งไม่ได้มีแค่เพลงครับ เนื้อเพลง เกร็ดประวัติ อะไรที่แผ่นเสียงมี iTune Store มีให้ด้วยเหมือนกัน
หลังจากนั้น Jeff Robin ก็ได้ขึ้นมาสาธิตถึงความสามารถต่างๆของ iTunes 9 ที่ Steve Job ได้พูดไป
นอกเหนือจากเราซื้อ เพลง หนัง เกม ใน iTunes เพื่อไว้ใช้เองได้แล้ว ยังเพิ่มความสามารถ ซื้อสิ่งเหล่านั้นแล้วส่งเป็นของขวัญได้อีกด้วย
เพื่มความสามารถที่เรียกว่า iTunes Extra คล้ายๆกับเป็น Special Features ในแผ่นหนัง DVD เวลาเราซื้อมาน่ะครับ พวก เบื้องหลัง , Commentary จาก ผู้กำกับอะไรทำนองนี้
Jeff Robin สาธิต iTunes 9 เสร็จ ก็ได้เวลาที่ Steve Job กลับมาทำหน้าที่ต่อครับ
ก็ไม่รู้ขึ้นมาทำไมแป๊บนึง ขึ้นมาแนะนำ Phil Schiller ซึ่งทาง Schiller ก็จะมาพูดในหัวข้อ iPod ครับ ซึ่งตั้งแต่วางจำหน่ายมา iPod ก็ถูกขายไปมากกว่า 220 ล้านเครื่องแล้ว
Market Share ของบรรดา Media Player ในปัจจุบัน ซึ่งทาง Phil ก้ได้แอบกัดจิก Microsoft ไปหน่อย
และในบรรดา iPod ทั้งหมด ตัวที่เติบโตเร็วที่สุดคือ iPod Touch ซึ่งตั้งกะเปิดตัวมาก็ถูกขายไปแล้วกว่า 20 ล้านเครื่อง
Phil อธิบายว่าทำไม iPod Touch ถึงเติบโตได้เร็วขนาดนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า มันดีเยี่ยมที่สุดสำหรับทั้งเพลงและหนัง
ด้วยความสามารถในการเชื่อมต่อ Wifi ทำให้คุณไม่ต้องแบก Notebook ของคุณไปร้านกาแฟก็ได้ (ภาพนี้คนฮากันครืน..)
ที่สำคัญ ความสามารถด้าน Graphic ก็สุดยอด คุณสามารถเล่นเกม 3D บนนั้นก็ยังได้
ถ้าเทียบกับคู่แข่งนั่นคือ PSP และ Nintendo DS … Phil บอกว่า iPod Touch ชนะกระจายเพราะ เครื่องเหล่านี้ ไม่มี Multi Touch , เกมแพง และ ไม่มี AppStore ครับ
ทาง Phil ก็เอาราคามาเทียบให้ดู ( แต่ส่วนตัวผมว่า Hard Core Gamer แบบผม ก็ไม่ค่อยเล่นเกมบน iPhone นะครับ มันคนละอารมณ์กัน .. ผมทนเก็บ Level บนเครื่อง iPhone ไม่ไหวหรอก มันไม่ถนัด แถม Target Group ของเกม PSP , DS ก็คนละกลุ่มกันเลย)
Phil ยังกล่าวอีกว่า ตอนนี้เกมและ Entertainment ใน AppStore มีมากถึง 21,178 โปรแกรม มากกว่าทาง PSP และ DS หลายเท่า ซึ่งต่อจากนี้ Phil ก็เชิญ นักพัฒนาเกมจากค่ายดังมาเล่าถึงประสบการณ์ของการทำเกมเพื่อจำหน่ายใน AppStore
Ben Mattes จาก Ubisoft ก็มาโชว์ Assassin’s Creed 2 บน iPhone ครับ
Bart Decrem จาก Tapolous มากับเกม Riddim Ribbon เป็นเกมดนตรีคล้ายๆ Rock Band ครับ
Mark Hickey จาก Game Loft ก็มาโชว์เกม FPS บน iPhone ครับ ค่าย Gameloft ขายเกมกว่า 35 เกมบน AppStore ซึ่งตอนนี้ทำยอดดาวน์โหลดไปกว่า 20 ล้านครั้งไปแล้ว
ปิดท้ายด้วยค่ายเกมที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง EA ที่ส่ง Madden NFL 2010 มาให้ชมกันครับ
Phil Schiller กลับมาอีกครั้ง เพื่อสรุปถึงความเปลี่ยนแปลงของ iPod Touch ครับ
รุ่น 8GB ราคา 199$ , 32Gb ราคา 299$ และ พี่เบิ่ม 64Gb ราคา 399$ ครับ
ใน iPod Touch 3rd Generation นี้ ยังเพิ่มความสามารถด้าน Graphic ด้วยการใช้ OpenGL 2.0 ด้วยครับ
httpv://www.youtube.com/watch?v=IJWgltTV-7w
ว่าแล้วก็มาดู โฆษณาของ iPod Touch ตัวใหม่กันซะหน่อย
ความเปลี่ยนแปลงของ iPod ลำดับต่อมา คือการเพิ่มขนาดความจุของ iPod Classic เป็น 160Gb แต่ยังคงราคาที่ 249$ เท่าเดิมครับ
สำหรับ iPod Shuffle ทาง Apple ก็ได้ เปลี่ยนสาย remote control ให้เปลี่ยนหูฟังเป็นรุ่นอะไรก็ได้
เพิ่มสีเป็น 5 สี และ เปิดตัวราคา 2Gb ที่ 59$ , 4Gb ที่ราคา 79$ ครับ
มีรุ่น Special Edition ด้วย ทำจาก Stainless ทั้งอัน สวยสุดๆครับ
และอีกหนึ่งอย่าง
Steve Job ได้กล่าวถึง Gadget ตัวนึงที่ชื่อ Flip มันเป็นกล้องพกพาขนาดเล็ก ที่มีความจุ 4Gb ราคาแค่ 149$ ที่ตอนนี้นิยมกันมากในอเมริกา Steve Job บอกว่าเราอยากได้แบบนี้บ้าง แต่ต้องเจ๋งกว่า
พี่แกก็เลยยัดกล้องวีดีโอลง iPod Nano ขนาด 8Gb ซะเลย
พร้อมกับลำโพงในตัว
เทียบขนาดกับ Flip กันแบบเห็นๆ
วีดีโอที่คุณถ่ายจาก iPod Nano เราสามารถ Sync ลงคอมพิวเตอร์ หรือ ส่งขึ้น Youtube เลยก็ยังได้
ยังไม่หมดแค่นั้น iPod Nano ตัวนี้ยังสามารถฟังวิทยุ FM ได้ในตัวโดยที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม
อัดเสียงก็ได้
มี Pedometer (เครื่องนับก้าว) ไว้ทำงานร่วมกับ รองเท้า Nike ด้วย
มีทั้งหมด 9 สี ในราคาที่ Flip ต้องผุกคอตาย 8Gb ราคา 149$ และ 16Gb ราคา 179$
httpv://www.youtube.com/watch?v=93RASfQ7dng
จากนั้น Steve Job ก็โชว์โฆษณาตัวใหม่ของ iPod Nano ครับ
Steve Job กลับมาอีกครั้งเพื่อตอกย้ำว่า iPod รุ่นใหม่ทุกตัวเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนะจ๊ะ
เสร็จสิ้นจากเสียงปรบมือ Steve Job ก็เชิญ Norah Jones ขึ้นมาร้องเพลงปิดงานครับ
ก็ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะครับ เดี๋ยวปีหน้างาน WWDC คงได้ทำรีวิวกันแบบนี้อีกซักที.. อืม แต่ผมอยากได้ Nano 16Gb สีแดงมากเลยนะครับเนี่ย รุ่นนี้มันแจ๋วจริงๆ
อยากให้ ipod touch ติดกล้องอย่าง nano บ้างจังครับ T^T
สงสัยต้องรออัพเดทครั้งหน้า
nano ถ่ายรูปไม่ได้ ถ่ายได้แต่ วีดีโอ เอิ๊กๆ
iPod Touch หน้าจอเล็กกว่า Netbook คีย์บอร์ดก็เสียเปรียบ NetBook ของแบบนี้ไม่น่าจะเอามาเทียบกันได้เลยนะ
ผมชัง Apple ที่ชอบเทียบสินค้าคนละเซกเมนต์ คนละสเปค แล้วทำราวกับว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น โดยละเลยไปว่าสินค้าของคนอื่นก็ได้เปรียบตัวเองในแง่อื่นเช่นกัน
ผมว่า iPod Touch คงจะไม่ติดกล้องตอนนี้ เพราะถ้าติดกล้องปั๊บ คนจะไม่ซื้อ Nano ทันทีครับ
ถ้า iPod Touch ติดกล้อง 299$ กับ Nano 16GB 179$ ผมว่า Nano ขายไม่ออกแน่ๆ
ผมก็จี๊ด nano 16GB เหมือนกัน จี๊ดมาก
รีวิวได้ดีมาก ของผมเพิ่งเขียนเป็นครั้งแรกเลยออกตะกุกตะกัก – -''
และ iPhone ก็ขายไม่ออกเช่นกัน
iPhone 4 ไม่รู้เป็นไง ออกมาใหม่ได้ข่าวว่ามีปัญหามาก