เป็นคำถามที่ผมโดนถามรัวๆมาทั้งชีวิต จนผมรู้สึกว่า ผมตอบให้ทีละคนไม่ไหวแล้ว ขอทำเป็น Guideline เลยละกันนะครับ ว่าถ้าเราจะเลือกติด Internet ซักยี่ห้อนึง เราต้องคำนึงถึงปัจจัยอะไรบ้างในการติดตั้ง
[advertorial]
ปัจจุบันผู้ให้บริการ Internet ตามบ้านมีอยู่ 4 ยี่ห้อหลักๆด้วยกัน นั่นก็คือ
- True Internet (ADSL / VDSL / Docsis / Fiber Optic)
- 3BB (ADSL / VDSL / Fiber)
- TOT (ADSL / VDSL / Fiber)
- AIS (Airnet / Fiberbet)
ทั้ง 4 ยี่ห้อนี้ ก็มีคุณภาพ และขอบเขตการให้บริการรวมไปถึงราคาที่แตกต่างกัน จะมี True Internet ที่ค่อนข้างได้เปรียบในแง่ของพื้นที่ให้บริการ เพราะว่าเป็นเจ้าแรกๆ ของไทยที่กระโดดลงมาทำ Internet ความเร็วสูงตั้งกะสิบกว่าปีก่อน
ขอบเขตพื้นที่ให้บริการ
พื้นที่ให้บริการเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดครับ เพราะ ถ้าผู้ให้บริการไม่มาติดตั้งระบบในพื้นที่นั้น ต่อให้คุณอยากจะติด เค้าก็ติดให้คุณไม่ได้ครับ อันนี้หลายๆคนน่าจะเจอปัญหากับคอนโดหรือหมู่บ้านที่มีการสัมปทาน เครือข่าย Internet มาในหมู่บ้าน ต้องใช้ยี่ห้อที่นิติหมู่บ้านหามาให้ อันนี้ก็ช่วยไม่ได้ ตัวใครตัวมันติดต่อ ส่วนกลาง เพื่อทำเรื่องยกเว้นกันเอาเองนะครับ แต่ถ้าเราเกิดเราโชคดีอยู่ในพื้นที่ของการติดตั้ง Internet ยี่ห้ออะไรก็ได้ ในเว็บของแต่ละค่าย จะมีระบบตรวจสอบพื้นที่ว่า คุณอยู่ในพื้นที่ของการให้บริการหรือเปล่า (ของ True เช็คที่นี่ : http://trueonline.truecorp.co.th/about/cms-static-page-about-us/entry/948)
เมื่อคุณตรวจสอบเสร็จแล้ว ผมขอนำเสนออีกเทคนิคนึงในการ เช็คว่าคุณภาพการให้บริการ ของยี่ห้อนั้นเป็นยังไงบ้าง ลองเข้าไปใน Google แล้วค้นด้วย Keyword ว่า Internet ชื่อย่านที่คุณอยู่ ตามด้วยยี่ห้อที่คุณอยู่ ปิดท้ายด้วย site:pantip.com แบบนี้ครับ มันจะเป็นการค้นหาเฉพาะกระทู้ใน Pantip.com ครับ ทำให้เรารู้ได้ว่า Internet ของค่ายที่เรากำลังจะเลือกใช้บริการนั้น มีคนชมหรือมีคนบ่นมากแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่า คนบ่นอ่ะ มันมากกว่าคนชมอยู่แล้ว เวลาเราใช้บริการอะไรที่มันดีๆ เราก็ไม่ค่อยชมหรอกครับ แต่พอมันไม่ดีล่ะบ่นขาดใจ ก็อย่าพึ่งไปดูเรื่องที่เค้าบ่น แต่ไปดูด้วยว่า เจ้าหน้าที่ของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตยี่ห้อนั้นๆ มาตอบเพื่อแก้ไขปัญหาหรือเปล่าครับ
ความเสถียรของโครงข่าย
เวลาที่ผู้ให้บริการจะกระจายเครือข่ายออกไป ในสมัยก่อนก็จะกระจ่ายเครือข่ายโทรศัพท์ ซึ่งเครือข่ายโทรศัพท์บ้านเรา มันทั้งเก่าและโบราณ ถ้าจะถามว่าส่วนใหญ่ปัญหาของการใช้งานในบางพื้นที่ ที่มีปัญหาอย่างต่อเนื่องชนิดที่แก้เท่าไหร่ก็ไม่หายมันเกิดจากตรงนี้แหละครับ อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้จะเกิดขึ้นกับเครือข่ายที่เป็นสายโทรศัพท์ เช่น ADSL เท่านั้น หากคุณย้ายมาใช้พวก Fiber Optic หรือ Cable Internet ปัญหาพวกนี้จะหายไปเยอะเลย เพราะว่า ทางผู้ให้บริการ ลากเครือข่ายเองใหม่หมดโดยที่ลากเป็น Fiber Optic หมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม จากที่เคยพูดคุยกับ ผู้บริหารที่ทำงานด้านการวางโครงข่าย ของทั้ง ISP และเครือข่ายโทรศัพท์ .. ปัญหาน่าปวดหัวที่ทุกท่านพบคือ ขโมยแอบตัดสายไปขายครับ ผมอยากจะบอกว่าพวกนี้มันเชรี่ยยยจริงๆ แต่ผู้ให้บริการก็ออกมาพูดมากไม่ได้ ก็มีหน้าที่ต้องแก้ไขไปอย่างเดียว ซึ่งก็ไม่ได้เป็นทุกย่านนะครับแต่จะมีย่านหลักๆ ที่โดนกันบ่อยตรงต่างจังหวัดนี่แหละ
ปริมาณ Bandwidth ทั้งในและต่างประเทศ
ปัจจุบัน คนไทยใช้งานเว็บไทยและเว็บต่างประเทศในสัดส่วนที่พอๆกัน แต่ราคาของค่า Bandwidth ไปต่างประเทศนี่มันโคตรแพงกว่าในประเทศในระดับ 10-20 เท่าเลยครับ ซึ่งแน่นอนว่าผู้ใช้งานอย่างเราๆ ไม่ค่อยรู้หรอกครับ ฮ่าาาา ก็ยังเปิด Facebook ดู Youtube กันปกตินั่นแหละ อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งปัจจัยในการเลือก Internet มาติดตั้งของผมเพื่อให้ใช้งานได้อย่างลื่นไหลและมีความสุข ก็จะต้องพิจารณาถึง Bandwidth ไปต่างประเทศด้วยครับ ตรงจุดนี้ เราสามารถไปกดดู Thailand Internet Map ได้ครับ จะเป็นแผนที่โครงข่ายของประเทศไทย ว่าแต่ละ ISP มีเชื่อมกับใคร ที่ไหน ด้วยความเร็วเท่าไหร่บ้าง แน่นอนว่า มือใหม่อาจจะงงๆ
โดยที่ของทาง True Internet จะมี Bandwidth ในประเทศทั้งหมด 225 Gbps และไปต่างประเทศทั้งหมดอีก 241 Gbps แถมยังมี Link ตรงเข้าไปยัง Server Google ที่สิงค์โปร์ เพื่อให้ค้นหา Google + สูบ Youtube ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย เรียกได้ว่าเยอะเกือบจะที่สุดในประเทศไทยเลย
อีกเทคนิคในการตรวจสอบความเร็วของ Interlink ของแต่ละ ISP ที่ดีมากๆ ก็คือ การทำ Speedtest จาก Server ต่างประเทศครับ จากในรูปเนี่ย ผมทดสอบโดยการใช้ True ADSL ความเร็ว 13/1 Mbps วิ่งไปทำ Speedtest ที่ประเทศญี่ปุ่น ยังได้ความเร็วถึง 7.72 Mbps เลยนะครับ คุณอาจจะสอบถามเพื่อนว่า มีใครใช้ Internet ของค่ายไหนอยู่บ้าง ช่วยทำ Speedtest ไปยังประเทศที่เราเข้าใช้งานบ่อยๆ เช่น อเมริกา / สิงค์โปร์ / ญี่ปุ่น มาให้หน่อยได้ไหม เราจะได้พอเปรียบเทียบได้ว่า พอตอนใช้งานจริง มันเพียงพอกับที่เราอยากจะได้ไหม
Support / Call Center
ต่อให้เราทำบุญมามากแค่ไหน ยังไงซะบริการที่เราใช้ก็ต้องมีปัญหาจนทำให้เราต้องโทรเข้าไปหา Call Center จนได้นั่นแหละครับ แต่เดี๋ยวนี้ผู้ให้บริการไม่ได้เปิดช่องทางแค่โทรศัพท์ไว้รองรับปัญหาอย่างเดียวแล้วนะครับ เดี๋ยวนี้มี Live Chat / Mail Support เอาไว้แก้ปัญหาที่เล็กๆน้อยๆ ด้วย ทำให้ลดการเสียเวลาในการติดต่อ Support ไปได้มาก
แต่ยังไงซะ ปัจจัยสำคัญสำหรับ Call Center ที่เราต้องนำมาคิด ว่าจะติด Internet ยี่ห้ออะไรมีดังต่อไปนี้ครับ
- เจ้าหน้าที่รับสายมีมากแค่ไหน หรือว่ากันง่ายๆ โทรหา Call Center แล้วใช้เวลาเฉลี่ยกี่นาที กว่าจะมารับสาย
- เจ้าหน้าที่ Call Center มีความรู้ในการแก้ปัญหามากแค่ไหน
- เจ้าหน้าที่ Call Center ช่วยในการ Follow ปัญหามากแค่ไหน
ถ้าคุณอยากจะรู้ว่า คุณจะได้รับการบริการที่รวดเร็วไหม ลองโทรเข้าไป Call Center แต่ละยี่ห้อในเวลาที่แตกต่างกัน ถ้าให้ผมแนะนำก็คือ ช่วงเย็นๆ กับช่วงดึกๆ แล้วลองจับเวลาดูครับ ว่า Call Center ของแต่ละยี่ห้อรับสายเราเร็วแค่ไหน ตรงนี้ก็น่าจะช่วยให้เราเอามาพิจารณาได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยของ Call Center ทั้ง 3 อย่างนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของผู้ให้บริการซะทีเดียว เพราะผู้ให้บริการทุกยี่ห้อ ก็ทำการเทรนนิ่งเจ้าหน้าที่ Call Center ตามคู่มือมาอย่างดีนั่นแหละครับ แต่ความเก่งกาจส่วนบุคคลของ Call Center แต่ละคนอาจจะไม่เท่ากัน เราโทรเข้าไป อาจจะโดนคนที่ไม่เก่ง หรือไม่คล่อง ผมก็อยากจะขอร้องว่า ช่วยกันนึกถึงใจเขา ใจเราด้วยนะครับ เจ้าหน้าที่ Call Center ทำหน้าที่รับคำด่า จากผู้ใช้อย่างเรา โดยที่บางครั้งแต่ละปัญหาก็ไม่ได้เกิดจากทางผู้ให้บริการซะเท่าไหร่ แต่เค้าก็ต้องยิ้มรับ เวลาโทรหา Call Center ช่วยกันใช้น้ำเสียงนุ่มนวล หรือ พอเสร็จแล้ว ก็ให้กำลังใจหรือขอบคุณกันซักคำ เจ้าหน้าที่ Call Center เค้าจะได้มีแรงในการช่วยเหลือเรากันต่อไปนะครับ
บริการเสริมและโปรโมชั่น
บริการเสริมในที่นี้หมายถึง ติด Internet แล้วได้สิทธิพิเศษอะไรเพิ่มบ้าง เช่น ส่วนลด โปรโมชั่น , อุปกรณ์เน็ตเวิร์ค ฟรีไม๊ หรือคิดเงิน , มีของแถมอะไรบ้าง ประมาณนี้ ซึ่งในส่วนนี้เนี่ย ถ้าจะเอามานับเป็นปัจจัย อาจจะไม่มีผลเท่าไหร่ เพราะว่า โปรโมชั่นส่วนใหญ่ จะมีเป็นช่วงๆ ไม่ค่อยได้อยู่ถาวร ผมให้คะแนนของความเสถียรและความเร็วของเครือข่ายมากกว่า เวลาคิดถึงปัจจัยใดๆในการเลือก Internet มาติดตั้ง แต่ถ้าเกิด ทั้งความเร็ว ราคา ความเสถียรของทุกอย่างมันพอๆกัน การพิจารณา ของแถม หรือ โปรโมชั่นก็ช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะครับ
ถ้าคุณเลือกใช้ True Cable Internet .. สาย Cable ที่คุณลากเข้าบ้าน สามารถใช้ในการดูบริการ True Vision ก็ได้ หรือ เปิดเป็นเบอร์โทรศัพท์ก็ได้ .. แถม Account ของคุณยังสามารถนำไปใช้กับบริการ True WIFI ที่มีกว่าแสนจุด ทั่วประเทศไทยก็ได้ ยิ่งตอนนี้มีโปรโมชั่น สุขคูณสาม จ่ายแค่ 799 บาท ได้ทั้ง Internet , True Vision และ True Move H 3 อย่างเลยนะครับ
ถึงแม้ว่า บทความนี้จะ Advertorial โดยทาง True แต่เทคนิคเหล่านี้ ผมใช้จริงในการเลือกนะครับ และผลของการทดสอบ ทำให้ผมใช้ True มาประมาณ 14 ปีแล้วคร้าบ ยังไงก็เลือกตามที่ชอบ และตามงบประมาณได้เลยนะครับ