ไปเจอบทความนี้มาจาก LifeHacker เห็นว่าเข้าท่าดี ก็เลยแปลไทยมาให้พวกเราอ่านกันซักหน่อย เพราะความช้าในการบูทเครื่องของ Windows มันมีปัจจัยหลายอย่างที่ไม่เท่ากัน เพราะบางคน Windows ติดไวรัสก็ทำให้เครื่องช้า บางคนแรมน้อย บางคน CPU ช้า หรือบางคน Hard Disk เสีย แต่ถ้าเกิด เครื่องเราไม่มีปัญหาอะไรเลย จะใช้วิธีไหนได้บ้าง
- ปรับแต่งค่า BIOS
ค่า BIOS หรือ Basic Input/Output System เป็นค่าตั้งต้นของคอมพิวเตอร์ในการจะเริ่มทำงาน ซึ่งวิธีเข้าไปปรับ BIOS ของคอมพิวเตอร์แต่ละยี่ห้อก็จะไม่เหมือนกัน แต่ถ้าเป็น PC ส่วนใหญ่ก็จะให้กดปุ่ม “del” ตอนบูท เพื่อเข้าไปใน BIOS พอเข้าไปเสร็จมีค่าต้องปรับประมาณ 2-3 ค่าด้วยกัน ดังต่อไปนี้ - Quick Boot ให้เปิดเป็น On เพราะค่านี้จะปิดการทดสอบระบบก่อนใช้งาน ทำให้เครื่องบูทเร็วขึ้น
- Boot List ถ้าติดตั้ง Windows เสร็จแล้ว ก็ปิดการบูทจากอุปกรณ์ USB , CD หรือ Network ออกให้หมด เพื่อให้การบูทจาก Hard Disk เร็วขึ้น
- ปิดโปรแกรมตอน Startup
ให้คุณไปที่ Start -> Run แล้วพิมพ์คำสั่ง msconfig แล้ว กด Enter เรียกโปรแกรมขึ้นมา จากนั้นก็ไปที่หัวข้อที่ชื่อ Startup ค้นหาโปรแกรมที่คุณคิดว่า คุณไม่จำเป็นต้องใช้ แล้วติ๊กเครื่องหมายถูกออกให้หมด - หน่วงเวลา Windows Service บางตัวให้มาทำงานตอนบูทเสร็จแล้วแทน (สำหรับ Windows 7 และ Vista เท่านั้น)
ในตัว Windows จะมีพวก Service หรือ โปรแกรมที่จะทำงานทุกครั้งที่เข้า Windows ซึ่งยิ่ง Service มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องรอนานกว่าจะบูท Windows ได้ แต่บาง Service มันไม่จำเป็นต้องมาทำงานกันตอนบูท Windows เราก็สั่งให้มันไปเริ่มทำงานตอนที่บูท Windows เสร็จแล้วแทนครับ (วิธีการเข้าไปทำ Delay Service Start คลิกที่นี่โลดครับ) - แก้ไขค่าหน่วงเวลาตอน Boot Menu
สำหรับบางคนที่ทำ Dual Boot หรือการบูท 2 OS ถึงจะมีหัวข้อนี้มาให้เลือก การลดเวลาตรงนี้จะช่วยทำให้บูทเร็วขึ้นไปอีก คนที่ไม่ได้ทำ Dual Boot ก็ข้ามหัวข้อนี้ไปเลยก็ได้นะครับ วิธีเข้าไปปรับค่านี้ ให้เรียกค่า msconfig ขึ้นมาเหมือนข้อ 2 แล้วไปที่หัวข้อ Boot แทน แก้ไขเวลา timeout จาก 30 วินาที ให้น้อยลง แต่อย่าให้เป็น ศูนย์ นะครับ เดี๋ยวเลือก OS ตอนบูทไม่ได้ - Disable Hardware ที่ไม่ใช้
Hardware บางตัวที่ไม่ใช้จะมีปัญหาตอนบูทคือต้องโหลด Driver … ถ้าตัวไหนที่คิดว่าไม่ได้ใช้แล้ว ก็ถอดออกไปเลยก็ได้ หรือ Disable มันทิ้งไปผ่าน Device Manager ซึ่งวิธีการเข้า Device Manager ก็ให้คลิกขวาที่ My Computer เลือก Properties แล้วเลือกหัวข้อ Device Manager เลยครับ - Update Antivirus และให้แน่ใจว่ามันทำงานได้
วิธ๊การนี้ จะช่วยป้องกันพวก Malware เข้ามาติดเครื่องและทำให้เครื่องของคุณทำงานได้อย่างราบรื่นครับ ใครที่ใช้ Antivirus เถื่อนๆอยู่ โปรดจงแน่ใจไว้เลยว่ามันทำงานหลอกๆ เท่านั้นครับ ตอนนี้โปรแกรม Antivirus ฟรีๆ ดีๆ มีทั้งมากมาย เช่น Avast , MSE หรือ AVG ครับ - เอา Font ที่ไม่ใช้ออก
Font หรือรูปแบบตัวอักษร จะช่วยในการแสดงผล แต่ก็มีปัญหา ในการทำให้บูทเครื่องช้า ก็คือ ก่อนที่จะเริ่มการใช้งาน Windows จะทำการอ่าน Font ทั้งหมดในโฟลเดอร์ c:\windows\fonts ซึ่ง ยิ่งมี font เยอะ ก็จะทำให้บูทช้าไปด้วย ดังนั้น เลือกติดตั้งเฉพาะ Font ที่จำเป็นจะดีกว่านะครับ - ยัดแรมเพิ่ม
อันนี้เป็นวิธีที่เห็นผลที่สุดแล้วครับ ปัจจุบัน ปริมาณแรมที่ค่อนข้างโอเคในการใช้งานสำหรับทุกเครื่องจะอยู่ที่ 2GB และตอนนี้ราคาแรมก็ถูกมากๆแล้วยกเว้นแรมรุ่นเก่า ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ เพิ่มแรม จะเป็นวิธีที่เห็นผลที่สุดครับ - FIX IP ให้กับเครื่องของคุณ
ขั้นตอนนี้อาจจะลดเวลาได้ซัก 1 – 2 วินาที ในตอนบูท เพราะคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ จะใช้ระบบ DHCP (Dynamic Host Configuration Protocol) ซึ่งความสามารถนี้ จะใช้วิธ๊ รับค่า Network Setting จาก Router ซึ่งถ้าคุณอยู่บ้าน หรือ Office สำนักงาน การ Fix IP ก็จะช่วยได้มาก แต่ถ้าเป็น Notebook ผมแนะนำให้เปิด DHCP ไว้เหมือนเดิมจะดีกว่าครับ - เปลี่ยนไปใช้ SSD (Solid State Drive)
ปัจจุบัน อุปกรณ์ที่ถ่วงความเจริญและความเร็วคอมพิวเตอร์อยู่ทุกวันนี้ก็คือ Hard Disk ครับ เพราะในขณะที่คนอื่นเค้าทำความเร็วระดับ nanosecond กันแล้ว อีตานี่ยังวิ่งอยู่ที่ econd อยู่เลย ซึ่งความเร็วของ Hard Disk ในปัจจุบันจะอยู่ที่ 80-90MB/วินาที ในขณะที่ SSD จะวิ่งอยู่ที่ 150 – 400MB/วินาที ทำให้ความเร็วในการใช้งานต่างกันคนละขุมเลยครับ
เอาล่ะ หมดแล้วนะครับ สำหรับเทคนิค 10 ข้อที่ช่วยให้บูทเร็วขึ้น ซึ่งข้อ 8 กับข้อ 10 นี่ใช้เงินแก้ปัญหาล้วนๆนะครับ แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้เช่นเดียวกัน เอาเป็นว่า ใครมีเทคนิคดีๆ ก็ส่งมากันได้นะครับ ผมจะได้เอามาแนะนำให้กับท่านอื่นๆเพิ่มเติมให้
ถูกใจใช่เลย
ชอบคำว่า “ใช้เงินแก้ปัญหา” ในย่อหน้าสุดท้าย ฮ่าๆ