ขอ Blog เรื่องนี้ไว้เป็นประสบการณ์เผื่อหลายๆคนจะลองไปหารถเช่าบ้างละกันครับ เหตุมันเกิดจาก เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ผมรู้สึกว่า รถของผมมันชักจะไปไม่ไหวแล้ว ต้องเข้าอู่ซะที เพื่อไปแก้ไข อาการหลายอย่างด้วยกัน ส่งเข้าประกวดไปประมาณ 5 รายการได้ หลักๆก็มี น้ำมันเครื่องรั่ว / ช่วงล่างโยกๆ / มีอาการเบาดับของ Gas / ไฟในห้องโดยสารไม่ติด แล้วก็ ให้จูนเรื่อง Gas ให้มันลงตัวซะหน่อย .. ซึ่งพอช่างเห็นอาการแบบนี้ถึงกับกุมขมับ แล้วก็บอกว่า พี่ทิ้งรถไว้ยาวๆเลยนะ เพราะตอนนี้คิวเยอะมาก แถมของพี่อาการเยอะด้วย อาจจะมี 3-4 วันเลยล่ะ ..
เอาล่ะสิ ไอ้ทิ้งรถน่ะ ผมก็ทำใจไว้อยู่แล้ว แต่ถ้าไม่มีรถใช้ 3-4 วันนี่ มันก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ เพราะช่วงนี้เดินสายวางระบบให้ลูกค้าอยู่หลายที่ด้วยกัน ถ้าไม่มีรถไว้เดินทางกับขนของท่าทางจะลำบากแน่ๆ ก็เลยตัดสินใจว่าจะเช่ารถใช้อาทิตย์นี้ละกัน แต่ไม่รู้จะไปเช่าที่ไหนดี พอดี ได้ยินมาว่า @anantachai ตอนนี้ย้ายไปทำงานที่ Thairentacar.com ก็เลยลอง Twitter ไปสอบถาม เผื่อได้ราคาพิเศษ อิอิ
หลังจากโทรศัพท์คุยกันก็ตกลงว่าจะไปรับรถช่วงเช้า ที่สำนักงานใหญ่ ตรงถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เยื้องๆกับตึกชาญอิสระสองนิดหน่อย เอกสารที่ต้องใช้ก็ไม่มีอะไรมากครับ เตรียมบัตรประชาชน กับ ใบขับขี่ และบัตรเครดิตมาก็พอ
เข้าไปถึงก็ไม่มีอะไรมากครับ ผมก็แจ้งชื่อกับทางฝ่าย Reservation รถ ว่าได้ทำเรื่องทางโทรศัพท์ไว้แล้ว พนักงานตรวจสอบแปบเดียวเท่านั้น ก็ขอเอกสารที่ผมเตรียมไปใช้ในการทำสัญญาและ ก็รูดบัตรเครดิตไว้เป็นค่าประกันจำนวน 20,000 บาท ซึ่งเดี๋ยวเค้าจะคืนให้ตอนที่เราเอารถมาคืนครับ อิอิ
ระหว่างที่รอเรื่องเอกสาร ก็หยิบเอาโบรชัวร์มาดูเล่นทำให้รู้ว่า มีรถหลายขนาดให้เลือกเช่า เหมือนกัน แถมมีพวกรถตู้ หรือถ้าอยากจะได้คนขับทาง Thairentacar.com ก็มีบริการให้ด้วยครับ
ระหว่างที่รอเอกสารไปเรื่อย ก็มีโอกาสได้ฟังโทรศัพท์ของฝ่ายบริการลูกค้าคุยกับทางลูกค้าเหมือนกันครับ เนื้อหาตลกดี เรื่องของเรื่องก็คือ ทางลูกค้าได้เช่ารถเอาไว้ แล้วก็ลืมของไว้ในรถ นั่นก็คือ บัตรจอดรถของตึกที่ตัวเองใช้บริการอยู่ไว้ในรถเช่า … เนื้อเรื่องธรรมดาแต่ความยากของมันอยู่ที่ว่า ลูกค้าคนนี้ เช่ารถมาขับไปเมื่อ 3 เดือนก่อน แถมรถคันที่เช่ามา ทาง Thairentacar.com ก็ได้ขายไปแล้ว เพื่อเปลี่ยนมาเป็นรถรุ่นใหม่ …
โอว ผมนั่งฟังเค้าบริการลูกค้าไป ก็อึ้งนะ ถ้าเป็นผมเองก็คงบอกลูกค้าไปแล้วว่า รถเราขายไปแล้วครับพี่ คงจะตามยาก .. แต่พนักงานคนนั้นก็บอกว่าเดี๋ยวติดตามให้ โดยการโทรไปยังฝ่ายช่าง ว่ามีใครเก็บไว้หรือเปล่า แล้วก็โทรเช็คไปเรื่อยๆ .. ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ฟังจนจบ แต่รู้สึกว่า หาเจอด้วย .. เออ แฮะ ผมว่าฝ่ายบริการลูกค้าที่นี่ใช้ได้เลยนะเนี่ย
หลังจากเสร็จการแอบฟังเรื่องของชาวบ้าน ก็ถึงคิวรับรถครับ ทางเจ้าหน้าที่ก็พาไปด้านหลัง ผมก็เจอเจ้ารูปหล่อนี่จอดอยู่ .. อิอิ
ถ้าถามว่า ทำไมเช่า ECO Car แบบ Mitsubishi Mirage ก็เพราะว่า ใช้งานหลายวัน ไม่อยากเช่ารถราคาแพงมากครับ เลยเช่า ECO Car เพราะค่าเช่าวันธรรมดาตกอยู่ที่วันละ 750 บาทเท่านั้นเอง แถม ECO Car ที่มีให้เลือกก็มี 3 รุ่นนั่นคือ Nissan March / Honda Brio กับเจ้า Mitsubishi Mirage นี่แหละครับ ซึ่ง 2 คันแรก ผมได้นั่งของเพื่อนมาแล้ว ครั้งนี้ก็เลยอยากจะลองรถที่ยังไม่มีโอกาสได้ลอง
ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที ผมก็ขับเข้า Mirage สีขาวออกมาแล้ว ก่อนรับกุญแจ ทางเจ้าหน้าที่ก็พาเดินตรวจสอบแผลรถ รอบคันว่าไม่มีบาดแผลอะไรนะ รวมไปถึงบอกว่า ถ้ามีปัญหาหรืออุบัติเหตุอะไรให้โทรแจ้งทาง Thairentacar.com ได้เลย เมื่อรับเรื่องเสร็จผมก็ขึ้นรถ แล้วก็ออกสตารท์เลย
ผมลองดูเข็มไมล์ ก็พบว่าวิ่งไปประมาณ 4,800 กิโลเมตรเท่านั้นเอง ถือว่า ใหม่สดมาก
อ้อ และที่แจ๋วมาก อันนี้ผมว่าเป็นไอเดียที่ดีมากสำหรับนักท่องเที่ยวที่เช่ารถจากที่นี่เลยล่ะ เพราะว่าทาง Thairentacar.com นอกจากให้บริการเช่ารถแล้ว ยังให้เช่า MIFI Router ที่มี Sim3G แบบ Unlimited ไปใช้ในราคาแค่วันละ 100 บาทอีกด้วย คือจริงๆแล้ว ไม่รู้จะเอามาทำไมเพราะตัวเองก็มี SIM3G อยู่แล้ว แต่ตอนนั้นมันเบลอๆครับ เลยเผลอเช่ามาด้วย .. เออ เอาวะ ขำๆ ฮ่าๆ
โดยส่วนตัว ก็รู้สึกไม่ผิดหวังที่ใช้บริการกับ Thairentacar.com เลยล่ะครับ ก็เลยอยากจะเขียน Blog บอกไว้ซักหน่อยว่า ถ้าใครจะลองเช่ารถ ก็ลองใช้บริการของ Thairentacar.com ได้ครับ