หลังจากที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในงาน CES 2016 ไป สินค้าในหมวดจอภาพของทาง LG ที่ได้รับรางวัล CES Awards 2016 ก็ได้เวลาเปิดตัววางจำหน่ายให้กับลุกค้ามากมายทั่วโลก ล่าสุดผมได้มีโอกาสรีวิว จอทีวี OLED ของ LG รุ่น 55C6T ครับ ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นจอที่รีวิวแล้วไม่อยากจะคืนจริงๆ สิ พับผ่า!! เพราะมันยัดเทคโนโลยีล่าสุดของ LG ในเรื่องของภาพมาเต็มเหนี่ยว ชนิดที่ว่า ซื้อจอนี้แล้วอยู่ไปสิบปียาวๆเลยก็ยังได้นะ
บอกตรงๆว่า ตอนทีมงาน LG ส่งจอมาให้รีวิว ยังไม่นึกว่ามันจะใหญ่ขนาดนี้ นี่เอามาเทียบกับจักรยานของผม ขนาดพอๆกันเลย ใครอยู่ในคอนโดก็เตรียมที่ทางให้เค้าดีๆละกันนะครับ เพราะ OLED 55C6T ตัวนี้เป็นจอทีวีแบบโค้งใหญ่ระดับ 55 นิ้ว ความละเอียด 4K เลยทีเดียว
ตอนแกะมาติดตั้งผมใช้โซฟานี่แหละ เป็นจุดประกอบร่าง อย่างประกอบกับพื้นตรงๆนะครับ เดี๋ยวจอแหกหมด จอภาพตัวนี้จะตั้งอยู่บนฐานพลาสติกขนาดใหญ่ โดยยึดน็อตอยู่บริเวณด้านหลัง ทั้งหมด 6 ตัวด้วยกัน จากนั้นก็ปิดฝา เพื่อความเรียบเนียนและกลมกลืนไปกับตัวบอดี้
Port ในการเชื่อมต่ออยู่บริเวณด้านซ้ายของจอภาพ โดยที่มี Port ดังต่อไปนี้ครับ
- USB 2.0 x 2 (หลักๆแล้ว เอาไว้เสียบ Mouse + Keyboard สำหรับควบคุม WebOS 3.0 ในตัวเครื่อง แต่เสียบ Flashdrive เพื่อเล่น Media เช่นภาพ หนัง โดยตรงจาก Flashdrive ก็ได้)
- HDMI 2.0a จำนวน 3 Port (เดี๋ยวจะเล่าเรื่อง HDMI 2.0a เพิ่มเติมครับ)
- USB 3.0 x 1 Port (เอาไว้เสียบพวก External HDD ที่มันเร็วๆ เพื่อที่จะเล่นไฟล์มัลติมีเดียระดับสูงได้โดยไม่สะดุดครับ)
- ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม
ด้านล่างขวาจะมีช่องเสียบอุปกรณ์เพิ่มเติมดังต่อไปนี้
- RJ45 สำหรับเสียบสาย LAN
- ช่องเสียบเสียบสายแปลงหัวแบบ RCA
- ช่องเสียบสายแปลงหัวแบบ Component
- ช่องเสียบสาย Optical
- ช่องเสียบหัว Cable TV
จากนั้นก็ลองยกทีวีขึ้นตั้งกับชั้นวางทีวี ขั้นตอนนี้ควรมีคนช่วยนะครับ เดี๋ยวกระดูกกระเดี้ยวจะหักเอาได้ เพราะจอมันหนักตั้งเกือบ 17 กิโล ความยากในการประกอบของผมก็คือ ชั้นวางทีวีของผมมันไม่ได้ออกแบบมาให้ใส่จอที่ใหญ่ขนาดนี้ ดังนั้น มันจะล้นทะลักตู้ทีวีของผมออกมาแบบนี้เลย
ถ้าถามว่าใหญ่อลังขนาดไหน ก็เลยเอาตัวผมมาเทียบโดยลองเอา Notebook มาเสียบแล้วก็ลองนั่งทำงานระยะเผาคนให้ดูนะครับ จะเห็นว่าใหญ่โคตร เวลาทำ Cursor ของ Mouse หาย นี่หากันนาน!!
Spec คร่าวๆ
LG OLED55C6T ตัวนี้เป็นจอภาพแบบ OLED ขนาด 55 นิ้ว มีความละเอียดหน้าจอแบบ 4K และที่สำคัญเป็นจอโค้งด้วย จุดเด่นของจอโค้งก็คือ การลดแสงสะท้อน และ สร้างความรู้สึกโอบล้อมต่อคนดู และเวลาดูด้วยตาเปล่า จะไม่รู้สึกว่าภาพเบี้ยวตอนนั่งใกล้ๆ เพราะความโค้งของมันช่วยปรับองศาให้สอดคล้องกับลูกตาของเรา
จุดเด่นของจอ OLED ของ LG ก็คือ การที่ตัวจอภาพสามารถแสดงสีได้ด้วยตัวเองโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ไฟ Backlight ฉายแสงส่องออกมา ผลก็คือภาพที่ได้จะได้สีที่คมชัด สีดำจะดำสนิท (แน่ล่ะ แค่ดับไฟก็ดำแล้วนี่) ไม่มีอาการ Bleeding หรืออาการแสงขาวรั่วออกมาหลังจอภาพเพื่อสร้างความระคายตาเวลาดูในที่มืดๆอีกต่อไป
เมื่อถอดเอาแผง Backlight ออกไปได้ ผลก็คือทำให้จอบางมากๆ แล้วยิ่งเป็นจอโค้งด้วยยิ่งสวยมาก จะว่าไปแล้ว สำหรับคนที่ซื้อจอใหญ่ๆมาใช้ในคอนโด ผมก็แนะนำให้ซื้อจอโค้งนะครับ เพราะว่าเวลาตั้งในคอนโด คุณจะไม่ได้มีระยะในการชมจากจอภาพมากนัก พอนั่งใกล้ๆแล้วดู ตรงขอบภาพมันจะโค้งๆ ถ้าดูด้วยจอโค้งมันจะพอดีมากขึ้นครับ
การควบคุมจอภาพ จะมีสองส่วนคือใช้รีโมท กับ ใช้ปุ่มจอยสติ๊ก 5 ก้านที่อยู่ภายใต้โลโก้ LG ตรงกลางจอภาพครับ
รีโมทคอนโทรลครอบจักรวาล ความเจ๋งของมันก็คือ มันเป็น Magic Remote ครับ เวลาที่คุณจะเลือกสั่งงานอะไรบนหน้าจอ ไม่ต้องมานั่งกด กระดึ๋บๆ ทีละปุ่ม แค่เอารีโมทส่องไปที่จอ มันจะมี Mouse Cursor ขึ้นมา เราก็เลื่อนด้วยรีโมทแล้วกดควบคุมได้เลยครับ
ที่เจ๋งคือ รีโมทตัวนี้มี ไมโครโฟน ในตัวด้วยครับ เพราะจอ OLED 55C6T ตัวนี้รองรับการสั่งการและค้นหาด้วยเสียง และรองรับเสียงภาษาไทยด้วย เวลาอยากจะค้นวีดีโอใน Youtube ก็กดเรียกไมโครโฟนให้ทำงานขึ้นมา แล้วก็พูดลงไปได้เลย อย่างในรูปผมค้นหา รายการล้ำหน้าโชว์ ก็โผล่มาด้วยความรวดเร็ว
LG OLED 55C6T ตัวนี้เป็น SmartTV ที่มีระบบปฏิบัติการ webOS 3.0 ที่เป็นรุ่นใหม่ ถึงแม้ว่าหลังเครื่องจะมีช่องเชื่อมต่อด้วยสาย LAN แต่ตัวเครื่องก็รองรับระบบไร้สาย แถมยังรองรับ Wireless LAN ความถี่ 5 Ghz อีกด้วยครับ โอววว มันยอดมาก เมื่อเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตตั้งค่าให้อัพเกรดซอฟแวร์อัตโนมัติเพียงครั้งเดียว พอผมจับตัวทีวีออนไลน์ปั๊บในครั้งถัดไป มันก็ทำการอัพเดทตัวเองเป็นเวอร์ชั่นใหม่ทันทีเลยล่ะครับ
สำหรับเรื่องเสียงทาง LG ก็ได้ทำงานร่วมกับ harman/kardon มาโดยตลอดครับ จอภาพ OLED 55C6T ตัวนี้ก็เลยมาพร้อมกับลำโพง harman/kardon จำนวน 4 Channel ด้วยกำลังขับ 40Watt .. โดยส่วนตัวผมว่าเป็นลำโพงติดทีวีที่เสียงดังโอเคเลยนะ แต่อย่างไรก็ตาม อย่างที่ผมเคยเขียนบอกอยู่หลายๆครั้งว่า ถ้าเราเล่นจอทีวีเทพขนาดนี้ คงไม่มีทางที่เราจะไม่มีลำโพงเครื่องเสียงที่เข้าคู่กันอย่างแน่นอน ใช่ไหมล่ะครับ
จุดเด่นของ LG OLED55C6T
เอาล่ะ ดู Spec พื้นฐานเสร็จแล้ว ขอเล่าถึงจุดเด่นของจอ LG OLED55C6T หน่อยละกันครับ โดยรวมแล้วจุดเด่นอย่างแรกก็คงจะเป็นระบบการแสดงผลภาพที่ชื่อ Dolby Vision ที่ทาง LG เปิดตัวร่วมกับ Dolby ไปเมื่อต้นปีนั่นแหละครับ
ว่ากันว่า แนวทางการพัฒนาทีวีในช่วงก่อนหน้านี้ จะเน้นไปที่ขนาดครับ คือ เน้นไปในด้านการทำให้จอภาพใหญ่ขึ้น ละเอียดขึ้น ตัวจอบางขึ้น มีช่วงนึงว่อกแว่กไปทำระบบสามมิติ แต่ เอ๊ะ ซักพักนึงรู้สึกว่าไม่ค่อยมีใครได้ใช้เลยเลี้ยวมาทำทีวีที่มีความละเอียดระดับ 4K แทนเมื่อช่วงต้นปี 2015 แทน
แต่ยังไม่มีใครเน้นการพัฒนาเรื่องของ คุณภาพของภาพและสีในการแสดงผลอย่างจริงจัง ตอนนั้นหลายๆเจ้ารวมไปถึง LG ด้วย ก็เริ่มที่จะพัฒนาเรื่องของความคมชัดของการแสดงผลสี เฉดในการไล่สีดำ รวมไปถึงระบบ HDR หรือ High Dynamic Range บนจอทีวีนี่แหละครับ
HDR ย่อมาจาก High Dynamic Range
คือการสร้างภาพที่มีส่วนต่างระหว่าง แสงสว่างและความมืด ให้พอดีอยู่ในภาพเดียวกัน ยกตัวอย่างจากในรูปเลยครับ ภาพหอไอเฟลที่อยู่ในรูป ถ้าเราถ่ายด้วยค่าแสงปกติ ตัวหอจะมองไม่ค่อยเห็นเพราะย้อนแสง แถมเมฆก็ดูไม่ค่อยชัดด้วย
แต่ถ้าเราถ่ายรูปเพื่อเอาตัวหอให้ดูชัดด้วยการยกค่า ev เพิ่มขึ้น +2 ผลที่ได้ก็คือ เห็นตัวหอไอเฟล แต่เมฆข้างหลังขาวเว่อจนมองไม่เห็นไปเลย
แต่ถ้าเราจะลดค่า ev ลงเป็น -2 เราจะได้เมฆสวยเลย แต่อ้าว หอไอเฟลโคตรมืด
เทคนิคของการทำ HDR ก็คือ เราถ่ายรูปมาทั้ง 3 รูปจากนั้นใช้ Software ในการจัดการครับ ตรงไหนมืดก็ไปเอาข้อมูลภาพตรงที่สว่างมา ตรงไหนแสงเว่อไป ก็ไปเอาข้อมูลภาพตรงที่มันแสงพอดีมาใช้ พอรวมร่างสามภาพเข้าด้วยกันก็จะกลายเป็น ภาพที่มีแสงพอดีทั้งภาพนั่นเองครับ
ทีนี้โดยจุดประสงค์ของการทำ Dolby Vision ก็คือ การขยายขอบเขตของภาพให้สมจริงมากขึ้น เพิ่มมิติของการแสดงสีให้มากขึ้น แสงให้สว่างขึ้น ความ Contrast ที่มากขึ้น มากในระดับที่ว่า จอภาพใดที่ได้รับตรามาตรฐาน Dolby Vision จะมีคำเปรียบเปรยว่า “เวลาที่คุณมองมัน จะไม่เหมือนมองไปยังจอภาพ หากแต่ว่าเหมือนมองออกไปยังนอกหน้าต่างเพราะภาพนั้นช่างสมจริง”
ลองดูวีดีโอตัวนี้ได้ครับ เป็นวีดีโอของทาง Dolby Vision เมื่อปี 2014 โน่น แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของภาพจากทั้งสองจอภาพ จอซ้ายคือจอปกติที่ยังไม่มี Dolby Vision รองรับ ส่วนทางขวาเป็น Dolby Vision แล้วครับ
Soccer Mode สำหรับคนชอบฟุตบอล
โหมดนี้คือโหมดที่จะเร่งความเขียวขจีของหญ้าในสนามให้งอกเงยดุจให้ปุ๋ยตราม้าบิน สีเขียวอวบอิ่ม นักเตะในสนามโดดเด่น และเสียงเชียร์โคตรโอบล้อมแบบ Surround Sound ครับ สำหรับคนที่ชอบดูบอลเป็นโหมดที่ชวนกดเป็นอย่างยิ่ง
webOS 3.0 เวอร์ชั่นใหม่ ที่เร็วมากขึ้นกว่าเดิมพร้อมเพิ่มเติมความสามารถใหม่ 3 อย่าง
- MagicZoom ให้คุณซูมภาพบางส่วนให้ขยายใหญ่ขึ้นมาได้ เช่นดูข่าวอยู่แล้วภาพในข่าวมันเล็กจังฟระ ซูมขึ้นมาซะเลย
- Magic Mobile Connection : เป็นความสามารถที่ทำให้ มือถือและทีวี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้น หลักๆแล้ว ก็คือ เมื่อคุณลง App ที่ชื่อ LG TV Plus ซึ่งรอบรับทั้ง Android และ iOS .. มันจะแปลงร่างให้มือถือ กลายเป็นรีโมทสั่งการทีวีได้ และกลับกัน ทางทีวีก็สามารถดึงเอา Content ในมือถือย้อนหลังมาแสดงบนทีวีได้ด้วยเช่นกัน ภาพ เพลง วีดีโอ สามารถดูได้โดยตรงจากทีวีเลยครับ (เอ๊ะ ดีหรือไม่ดีนะ สำหรับคนที่มีภาพส่วนตัวเยอะๆ อาจจะรู้สึกเสียวไส้มากกว่าก็เป็นได้นะครับ) อ้อ ยังเลือกแอพฯ หรือฟีเจอร์ที่ชื่นชอบจากมือถือไปแสดงบนจอทีวี แล้วควบคุมด้วยเมจิกรีโมทรีโมทได้ด้วยครับ
- Magic Remote ตัวใหม่ที่นอกจากจะควบคุมสมาร์ททีวีได้เสมือนเม้าส์ไร้สาย รองรับการสั่งงานด้วยเสียงแล้ว ปีนี้ยังเพิ่มปุ่มเมนู Set Top Box ขึ้น จึงใช้งานได้ครบทุกฟังก์ชั่นผ่านเมจิกรีโมทเพียงอันเดียว
- นอกเหนือจากฟีเจอร์ที่เพิ่มมาแล้ว คอนเทนต์ด้านในก็พัฒนามาเพื่อคอหนังโดยเฉพาะ ทั้ง Netflix ,PrimeTime,MONO MAXXX ,Google Play Movies &TV Shows ,Movie Plus และอีกหลายContent Provider จึงดูหนังคมชัดบนจอใหญ่ เต็มอารมณ์กันยาวยาว
Game Mode สำหรับสายเกม
เพิ่มความจัดจ้านของค่าสีบนหน้าจอให้มากยิ่งขึ้น ถึงแม้ตัวจอ จะไม่ได้รองรับระบบ G-Sync หรือ V-Sync แบบที่จอภาพสายเกมทำได้ แต่ด้วยความใหญ่เว่อวังอลังการ์ ผสมกับสีสรรสุดแสบทรวง ผมว่ามันเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกชั้นยอดสำหรับสายเกมเลยครับ เล่นพวก RTS / Moba / RPG / Strategy แต่กับ FPS ที่ต้องใช้ Framerate สูงๆอาจจะไม่ค่อยเหมาะเท่านั้นเอง
Photo mode สำหรับสายดูรูป
เนื่องจากว่าผมเอามาต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อทำพวก Process รูปด้วยครับ เลยทดสอบดูว่า การแสดงผลเป็นยังไง ผลก็คือ สีค่อนข้างจัด เว่อไปจากที่คิดมากๆ อื้มมมม เรียกได้ว่ามันเป็นจอที่ฉูดฉาดเอาเรื่อง อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับการเอามาทำรูปซักเท่าไหร่
Mini Review LG Soundbar SH8
เนื่องจากทาง LG ได้ส่ง Soundbar 4.1 Channel รุ่น SH8 มาให้ผมรีวิวพร้อมๆกับทีวีตัวนี้ด้วยครับ เลยจับมาออกงานคู่กันไปเลย
ลำโพงแบบ Soundbar กำลังเป็นที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มคนเล่น Home Theater แบบง่ายๆในพื้นที่เล็กๆ เช่นในคอนโด เพราะว่าด้วยขนาดที่เล็กและยาวพอๆกับทีวี ทำให้ติดตั้งง่าย ให้เสียงดี และ ดัง ไม่แพ้ลำโพงชุดใหญ่ สำหรับ LG Soundbar SH8 ตัวนี้ เป็นลำโพงแบบ 4.1 Channel ครับ คือ มีตัว Tweeter ที่เป็นให้เสียงย่านปกติมา 4 ลำโพงในตัว Soundbar และทำงานคู่กับตัว Sub Woofer (ที่ผมวางไว้หลังทีวี) เพื่อขับเสียงย่านต่ำๆออกมาให้มีพลัง
กำลังขับ 420 Watt . แต่จุดเด่นที่แจ่มแมวมากของเจ้า Sound Bar ตัวนี้ก็คือ มันรองรับระบบไร้สายแบบเต็มที่ ทั้ง Bluetooth / Wireless LAN ครับ ขนาดการจะเชื่อม Soundbar กับตัว Sub Woofer เข้าด้วยกันยังใช้ Bluetooth เลย
Input ในเครื่องนี้มีสองส่วนครับ คือแบบใช้สาย กับ แบบไม่ใช้สาย งงแมะ? ฮ่าาา
- Input แบบใช้สาย มี Optical In / HDMI
- Input แบบไร้สาย มี Wireless LAN / Bluetooth
แล้วก็มี Port RJ45 สำหรับเชื่อมต่อ Network มาให้ด้วยครับ ส่วน HDMI อีก Port ที่เห็นในภาพคือ HDMI Out
ปุ่มควบคุมตัว Soundbar อยู่ด้านหลัง สามารถกดเพื่อเปลี่ยน Source / เพิ่มลดเสียง / หรือ Sync Bluetooth + Wireless ก็ทำได้ผ่านตรงนี้เลยครับ
นอกจากตัว Soundbar ที่มีกำลังขับ 420Watt แล้ว ยังมาพร้อมกับตัว Sub Woofer ที่มีกำลังขับอีก 200 Watt ด้วยครับ
ความเจ๋งของลำโพงตัวนี้อยู่ที่ความสามารถในการไร้สายของมันนี่แหละครับ ตัวมันเองสามารถใช้เล่นเพลงจากบริการ Streaming ผ่านมือถือของคุณเช่น Spotify / Napster / Tune In Radio / Deezer ได้เลย แถมรองรับมาตรฐาน Google Cast ด้วย ใครใช้มือถือ Android สามารถ Stream เพลงโดยตรงจากมือถือเข้ามาเล่นที่ตัวมันได้เลยครับ
ตัวลำโพงมีรีโมทมาให้ ซึ่งข้อดี ถ้าหากคุณใช้ร่วมกับทีวี LG แล้วใช้ระบบ SoundSync คุณจะสามารถใช้รีโมททีวีคุมเสียงของเจ้า Soundbar SH8 ตัวนี้ได้เลยครับ
ปิดท้ายด้วยความรู้สึกตอนใช้งาน
ผมใช้ชีวิตกับเจ้า LG OLED 55C6T มาประมาณสองอาทิตย์ครับ แล้วก็อย่างที่บอกไปตอนต้นเรื่องว่า … เป็นอึกหนึ่งจอภาพที่ไม่อยากส่งคืนเลยสิพับผ่าสิ เพราะตลอดสองอาทิตย์ ผมใช้มันทำงานโดยต่อกับ Notebook เครื่องหลัก ใช้เล่นเกม ใช้ดูหนัง แบบเกือบจะทุกวัน
- ผมต่อกับ Media Player ของ Xiaomi แล้วก็ Apple TV ในการดูหนัง ถึงแม้ทั้งคู่จะรองรับการแสดงผลความละเอียดแค่ 1080p แต่ก็สามารถทำ Upscape ขึ้นเป็น 4K ได้โดยตัวจอภาพเองทำให้ภาพที่ขยายจาก 1080p ไม่ได้แตกอะไร แต่ดูแล้วกลมกลืน ไหลลื่นมากๆครับ
- แต่เวลาดูหนัง 720p นี่ภาพออกอาการแตกชัดเลยครับ อันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเอา Media ที่ไม่ค่อยชัดมาเล่นบนจนที่โคตรชัด เราจะเห็นถึงความจริงครับ
- ใน Smart TV ยังมีคอนเทนต์จากหลากหลาย Content Provider ให้คุณเสพความบันเทิงได้บนจอใหญ่ ล่าสุดทาง LG จับมือกับ Netflix จึงดูหนังฮอลลีวู้ด ซีรีย์ของ Netflix ความคมชัดสูงสุดถึง 4K ให้เลือกมากมายเพลินกันยาวยาว (อย่าลิมหาเน็ตแรงๆมาใช้กันด้วย)
- เวลาเสียบคอมทำงาน ผมต้องเปลี่ยน Profile ของจอภาพให้เป็น Normal ไม่งั้นเวลาใช้งาน สีจะจัดเกินไป และจะไม่ค่อยเหมาะกับการมองตัวหนังสือครับ
- แต่เวลาเล่นเกมนี่ สุดติ่งมากๆ จอใหญ่ เสียงเทพ คมกริบ เพราะผมเล่นเกมด้วยความละเอียด 2,560 x 1,440 ครับ เนียนกริ๊บ
- ตัว Magic Remote ทำมาได้ดีมาก เพราะทุกที เวลาเราควบคุมทีวี เราใช้แค่ปุ่มเลือกช่องกับปุ่มปรับเสียงใช่ไหมครับ แต่พอเป็น Smart TV แล้ว มันมีเรื่องต้องทำเยอะขึ้น หลักๆแล้ว ผมเข้า Youtube ไปเพลินๆ แล้วก็ยิงยาวเลยครับ อยากได้คลิปอะไรก็ค้นหาด้วยเสียงเอา พอเจอแล้วก็ใช้ Magic Remote กดคลิกเหมือน Mouse ได้เลย
- ความสามารถ Magic Zoom ที่อยู่ใน webOS3.0 ตัวใหม่ผมไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ เพราะจอใหญ่เบิ้ม แถมนั่งใกล้มากอีก ก็เลยไม่ค่อยจะได้ Zoom อะไรมาดู แต่ตัว Magic Mobile Connection นี่คือดีงาม ใครมี Android กี่เครื่องก็สามารถใช้เป็นรีโมทควบคุมตัวทีวีได้ แถมแยก User แต่ละคนในการสร้าง Profile การใช้งานที่ไม่เหมือนกันได้ด้วย
- Dolby Vision นี่คือสวรรค์สำหรับคนดูหนังครับ มันทำให้เราได้เห็นภาพเดียวกับที่ผู้กำกับอยากจะให้เราเห็น แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพเต็มๆของ Dolby Vision คุณจำเป็นที่จะต้องใช้ ไฟล์ / แผ่น หรือ เครื่องเล่นที่รองรับ Dolby Vision ด้วยนะครับ
- ปิดท้ายด้วยราคาค่าตัวที่ 129,990 บาท … อย่าพึ่งสำลักครับ นี่เป็นราคาตั้ง ผมเชื่อว่าน่าจะมีราคาโปรโมชั่นของแต่ละร้านอีกต่างหาก แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณไปเห็นตัวจริง ของ LG OLED 55C6T ผมก็มั่นใจเลยว่า นี่แหละ คือราคาที่สมค่าตัวของมันจริงๆครับ
- ไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.lg.com/th/tvs/lg-OLED55C6T