Home -> Review -> รีวิวพ่อบ้าน ตู้เย็น Samsung รุ่น Bottom Freezer ตู้เย็นที่ไม่ทำให้คุณปวดหลังเวลาเปิด!

รีวิวพ่อบ้าน ตู้เย็น Samsung รุ่น Bottom Freezer ตู้เย็นที่ไม่ทำให้คุณปวดหลังเวลาเปิด!

จั่วหัวให้มันแปลกตา แต่รีวิวนี้เป็น Sponsored Post ที่มาได้จังหวะดีโคตรๆ เพราะผมพึ่งซื้อบ้านใหม่ และกำลังอยากจะได้ตู้เย็นพอดี ซึ่งทรงของตู้เย็นแบบนี้ อาจจะไม่ได้ใหม่หรือแปลกอะไรนักในบ้านเรา (หลายคนอาจจะได้ใช้นานแล้ว) แต่ผมเองก็พึ่งจะได้ใช้ตู้เย็นแบบนี้ แล้วพบว่า เออมันดีเหมือนกันแฮะ

ซีรีส์ของตู้เย็นของ Samsung รุ่นนี้คือ Bottom Freezer ครับ หมายถึงช่องแช่แข็งอยู่ข้างล่าง ถ้าให้ย้อนวัยเยาว์กลับไปยังสมัยเด็ก ตอนตัวยังเล็กๆ ไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ ตู้เย็นทั่วๆไป ก็จะเป็นช่องแช่เย็นปกติอยู่ข้างล่าง แล้วช่องแช่แข็งอยู่ด้านบนใช่ไหมครับ สมัยก่อน ตอนตัวเล็กๆ เปิดตู้เย็นกินน้ำก็ไม่ค่อยรู้สึกอะไร

จนกระทั่วโต จนตัวเบ้อเร่อ (ไม่ได้ตัวใหญ่อะไรหรอก แต่พุงอ่ะใหญ่) ผมพบว่า การเปิดตู้เย็นมันชักทะแม่งๆ เพราะเราตัวสูงขึ้น เวลาเปิดตู้เย็นแล้วจะหยิบของอะไรในตู้เย็นต้องก้มตัวแล้วก็มองหาแบบแนวนอน หรือ นั่งยองๆหา

ก็ไม่ได้คิดอะไร จนมาเจอตู้เย็นแบบ Bottom Freezer นี่แหละครับ ที่เค้าย้ายช่องแช่เย็นปกติมาข้างบน แล้วส่งช่องแช่แข็งไปข้างล่างแทน (มันก็ไม่ได้ใหม่อะไรขนาดนั้นนะ แต่ผมก็วุ่นวายอยู่แต่กับเรื่องไอทีไง เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้ามันเลยไม่ได้ตามเทรนด์นัก แต่พอซื้อบ้านเท่านั้นแหละ กลายร่างเป็นพ่อบ้านไอทีเลย)

โอวว และนี่เอง คือสาเหตุที่ตู้เย็นในบ้านผมมักจะมีฟอสซิล ซากอาหารต่างๆซ่อนอยู่ตามซอกหลืบของตู้เย็น เพราะเวลาเปิดแล้วมองไม่เห็น พอไม่เห็นก็ไม่ได้หยิบออกมา

เอ้า พูดเยอะแล้ว มาดูตัวจริงกันหน่อยดีกว่า

ชื่อรุ่นแบบจำง่ายคือ Bottom Freezer แปลว่า ช่องแช่แข็งอยู่ล่าง ชื่อรหัสอย่างเป็นทางการเผื่อเอาไปค้นหา Spec ทาง Internet คือ RB30N4050 ขนาด 10.7 คิวบ์ ครับผม

เทคนิคเด็ดที่เป็นจุดขายของ Samsung Bottom Freezer มีหลายเรื่องด้วยกันมาดูกันทีละหัวข้อเลยครับ

อย่างแรกคือ Digital Inverter !!

อย่างที่รู้กันอยู่ว่า ระบบ Inverter คือระบบปรับความเร็วรอบมอเตอร์เพื่อสร้างแรงดันอย่างนุ่มนวลให้กับ Compressor ของเครื่องทำความเย็น เพราะสมัยก่อนที่จะมียุคของ Inverter เนี่ย มอเตอร์ของพวกแอร์หรือตู้เย็นจะทำงานตาม Thermostat ถ้าอุณหภูมิถึงจุดที่ตั้งไว้ ก็ตัดการทำงาน และถ้าทำงานถึงจุดที่กำหนดไว้ก็จะหยุดทำงาน ทำให้เราเราจะได้ยินเสียงมอเตอร์แอร์ หรือ ตู้เย็นสมัยก่อน ดังตึ้งๆ อยู่เสมอ วิธีนี้มีปัญหาคือ มันกระชากอุณหภูมิ แถมยังไม่ประหยัดไฟด้วย เพราะต้องปั่นมอเตอร์อยู่ตลอดเวลา แต่สมัยนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว ตู้เย็นส่วนใหญ่เป็น Inverter หมดแล้วครับ สำหรับของ Samsung Bottom Freezer จะมีตัวชิปควบคุมใส่เข้าไปเพิ่มด้วย ผลก็คือ ทำให้ประหยัดไฟ ไม่มีเสียงรบกวน ให้ความเย็นอย่างต่อเนื่อง และทนทานนานสิบปีนั่นเองครับ

ความสามารถถัดมาก็คือ ฟิลเตอร์กรองกลิ่น เป็น Activated Carbon Filter ครับ ทำให้ลดกลิ่นเหม็นในตู้เย็นจากการที่เราเอาอะไรก็ไม่รู้มาแช่กัน ด้วยเทคนิคการระบายอากาศ + กรองกลิ่นตรงนี้ ทำให้เวลาเราเปิดตู้เย็นก็ไม่ต้องกลั้นหายใจกันเหนียวอีกต่อไป ฮ่าๆ

Space Max คือการที่ลดขนาดของขอบตู้เย็นออกไป ทำให้ตู้เย็นที่ขนาดเท่าเดิม แต่สามารถจุปริมาณของได้มากขึ้น ตอนแรกที่ทีมงานส่งตู้เย็นมาบอกว่าขนาด 10 คิวบ์ ผมยังไม่เชื่อเลย เฮ้ย ตู้แค่นี้ใส่ 10 คิวบ์ได้ไง เพราะผมมีตู้เย็นอีกตู้นึงที่ใช้งานอยู่ ก็ขนาด 10 คิวบ์เหมือนกัน แต่ยังใหญ่กว่าเลย สรุปว่าพอเปิดตู้ออกมา อ้าว เฮ้ย มันลดขอบ!! เลยได้พื้นที่เพิ่ม แถมยังเน้นเรื่องความลึกมากขึ้น เวลามองจากข้างหน้า ถึงจะตู้เล็ก แต่ด้วยความลึกและไร้ขอบ มันเลยใส่ของได้เยอะมากนี่เอง

ระบบ All-around Cooling คือการออกแบบระบบไหลเวียนไอเย็นให้มันไหลไปได้ทั้งตู้และทุกส่วนของตู้ครับ เพื่อให้ความเย็นไปทั่วถึงกันทั้งตำบล

เทคนิคของการทำ All-around Cooling เนี่ย ดูเผินๆแล้ว อาจจะต้องคิดว่าออกแบบระบบอากาศพลศาสตร์ในตู้เย็นใหม่หมดอะไรแบบนี้หรือเปล่า แต่จริงๆแล้วเป็นการเพิ่มช่อง Air Flow จากระบบทำความเย็นไปให้มันเยอะๆครับ เมื่อก่อนอาจจะมีอยู่แค่ไม่กี่รู ในระบบ All-around Cooling มีการเพิ่มช่อง Air Flow ให้มากขึ้นเพื่อลดช่องว่างที่บางทีอากาศเย็นไปไม่ทั่วถึงตู้เย็นครับ

ปิดท้ายด้วยช่อง Optimal Fresh Zone ที่เป็นช่องทำความเย็นแบบพิเศษ คือ เย็นกว่าช่องแช่เย็นปกติทั่วไป แต่จะไม่เย็นเท่าช่องแช่แข็ง งงไหมครับ

ช่องนี้ออกแบบมาเพื่อให้เก็บรักษาเนื้อสัตว์เช่น เนื้อ หรือปลา ให้ความชุ่มชื้นยังคงอยู่ เพราะช่องแช่แข็งทั่วไป เราอาจจะเอาไว้เก็บเนื้อสัตว์ได้นานก็จริง แต่ปัญหาก็คือ ความชื้น ความชุ่มฉ่ำของเนื้อนั้นก็จะหายไปด้วย จากความเย็นที่มากเกินไป

ช่องนี้ออกแบบมาเพื่อให้เราเก็บเนื้อไว้ได้ดีๆและรักษาความฉ่ำของเนื้อได้ยาวนานกว่าเดิมถึงสองเท่าและมีข้อดีอีกเรื่องก็คือ พอมันไม่ได้เย็นแบบแช่แข็ง คุณก็สามารถหยิบเนื้อมาปรุงอาหารได้เลยโดยที่ไม่ต้องไปเสียเวลาละลายเนื้อยังไงล่ะครับ

เอาล่ะ ผมเล่าฟีเจอร์พื้นฐานที่ตู้เย็นนี้ให้มาประมาณนึงแล้ว แต่ในแง่การใช้งานตามความเป็นจริงล่ะจะเป็นยังไงบ้าง

อย่างแรกเลย ตู้เย็นแบบ Bottom Freezer ที่ย้ายช่องปกติมาใช้ข้างบนนี่เป็นอะไรที่ผมปลาบปลื้มมากๆ เพราะแน่ล่ะ เวลาเราเปิดตู้เย็นหลักๆ เราก็กินน้ำ หยิบขนม หรือหยิบอะไรที่เป็นช่องแช่เย็นปกติกันประมาณ 80-90% อยู่แล้ว การที่ไม่ต้องก้มไปหาอะไรในตู้เพราะช่องแช่เย็นอยู่ข้างล่างนี่เป็นอะไรที่ดีมาก เลิฟสุดๆ

ผมลองเอาของที่ผมใช้กินบ่อยๆในตู้เย็นมาลองวางไว้ตามจุดต่างๆ ช่องบนสุดที่เป็นเครื่องดื่มกระป๋องสามารถซัดได้เต็มเหนี่ยว 28 กระป๋อง ถ้าเป็นเบียร์ก็ปาร์ตี้ 1 เซ็ตพอดี

ช่องตรงกลางยังใส่เครื่องดื่มกระป๋องสูงได้อีก ใส่ให้ดูเป็นตัวอย่างเล็กน้อยซึ่งแน่นอนว่า ปริมาณกระป๋องก็เท่ากันกับข้างบนนะครับ ขออภัยที่มีแต่เครื่องดื่มไม่น่าดู สาเหตุก็เพราะเปิดบ้านเลี้ยงปีใหม่เพื่อนฝูง แล้วของมันยังเหลือนี่แหละครับ

นอกจากนั้นเรายังสามารถปรับจุดวางถาดได้ตามใจเรา เพราะมีช่องสำหรับเปลี่ยนแนววางอยู่หลายอันเลยทีเดียว

ช่องด้านขวาเป็นถาดวางไข่ ใส่ได้ 1 โหลพอดี แต่ถาดวางนี้ ถ้าเกิดไม่ใช่คนสวยทำอาหารก็สามารถเอาถาดออกเป็นถาดว่างๆ ไว้ใส่พวกขนม ช็อคโกแลตอะไรแบบนี้ก็ได้ครับ

ช่อง Optimal Fresh Zone นี่ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมครับ ส้มลูกนี้ผมใส่ไว้ตั้งแต่ก่อนปีใหม่ หยิบออกมาถ่ายรูปวันที่ 25 มกราคม 2019 .. ก็ประมาณ 4 อาทิตย์ ได้ สีผิวส้มนี่ยังวิ้งอยู่เลย

มีตัวปรับอุณหภูมิอยู่ด้านบน ว่าอยากจะได้เย็นขนาดไหน และถ้ากดปุ่ม Fridge 3 วินาทีค้างไว้จะเป็น Power Cool เร่งให้ของเย็นเร็วขึ้น เหมาะมากสำหรับปาร์ตี้ที่เบียร์หมด แล้วกลัวเย็นไม่ทัน กดค้างไปยาวๆครับ

อัตราการบริโภคไฟฟ้าอยู่ที่ปีละ 1,341 บาท หรือตกเดือนละร้อยบาท อาจจะมีแปรผันนิดหน่อย หากคุณกด Power Cool บ่อยมากๆ หรือเปิดตู้เย็นถี่ๆ อะไรแบบนี้ แต่ค่าไฟตรงนี้ถือว่าโอเคมากเลยทีเดียวครับ

ช่องแช่แข็งด้านล่างขนาดใหญ่มีถาดไว้ใส่เนื้อแช่แข็งให้ พร้อมกับ Movable Ice Maker หรือ ถาดน้ำแข็งโยกย้ายมวลสารได้ จริงๆ ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณทำน้ำแข็ง เสร็จแล้วก็บิดทีนึงมันจะลงไปที่ถาดแล้วก็ยกถาดออกมาไปกินดื่มข้างนอกตู้เท่านั้นเอง เรื่องง่ายๆ แต่สะดวกมาก เวลาใช้งานนะครับ

เรื่องที่ไม่ชอบ มีไม๊?

เอาเข้าจริง เวลาผมรีวิว ผมจะพยายามหาข้อเสียของอุปกรณ์นะ แต่สินค้าอย่างตู้เย็นเนี่ย มันเป็น Function ที่พื้นๆ ก็คือ ทำยังไงก็ได้ให้เย็นเร็ว และ เย็นนาน แต่ Samsung Bottom Freezer ตัวนี้ยังเพิ่มเรื่องของเย็นเหมาะสมมาในช่อง Optimal Fresh Zone ด้วย

ข้อเสียส่วนใหญ่ของตู้เย็นน่าจะเป็นเรื่องความไม่ทนทาน เย็นไม่ทั่วถึงอะไรแบบนี้มากกว่า แต่ Samsung ก็ค่อนข้างเคลียร์ปัญหานี้ได้หมด เลยยังนึกไม่ออกว่าข้อเสียคืออะไร

ปิดท้ายด้วยราคาครับ

รุ่นที่ผมใช้งาน ขนาด 10.7 คิวบ์ สีดำ ราคา 16,990

อีกรุ่นจะขนาดเล็กกว่าที่ 9.7 คิวบ์ สีเงิน ราคา 14,490

Check Also

รีวิว Auto-Empty Dock ของที่ต้องมีถ้ามีคุณ Roborock s7

ไม่ต้องเกริ่นเยอะ สำหรับคนที่ใช้งานหุ่นยนต์ทำความสะอาด ถึงแม้ว่ามันจะสะดวกสบายก็เถอะ แต่มันก็ยังเหลือ ภาระนิดๆ ให้คุณต้องมาจัดการบ่อยๆ นั่นก็คือ ต้องเอาฝุ่นใน Dustbin มันมาทิ้ง!! Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine

Leave a Reply