เมื่อวันก่อนทางทีมงาน Samsung ได้ติดต่อมาบอกว่า อยากจะให้ช่วยรีวิว Notebook ตัวใหม่ อ๊ะ ผมก็บอกว่า จัดไป เครื่องนึงละกัน เพราะช่วงนี้รีวิวกันแต่มือถือ เบื่อจะแย่แล้ว อยากรีวิวอะไรแปลกๆบ้าง
พอ Messenger นำของมาส่งและแกะกล่องปุ๊บ ก็เจอ Notebook ตัวใหม่ของ Samsung ที่ชื่อรุ่นว่า Chronos หรือ Series 7 ตัวนี้นี่แหละครับ พอได้ทดลองใช้งานกับหาข้อมูลอยู่ 3-4 วัน ก็คิดว่าน่าจะได้ข้อสรุปเรื่องความเหมาะสมว่าเครื่องนี้เหมาะกับใครได้ละ
มาดูหน้าตากันก่อนนะครับ
Samsung Series 7 ตัวที่ผมได้มา มีชื่อรหัสว่า NP700Z4A-S02TH เป็น Notebook ขนาดหน้าจอ 15 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 2.15 กิโลกรัม ตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียมทั้งเครื่อง จับแล้วให้ความรู้สึกแน่น ไม่โยกเยกครับ
เป็น Notebook ขนาด 15″ ที่บางเอาเรื่องมากๆ ส่วนที่หนาสุดของเครื่องอยู่ที่ 23.9 มม. เท่านั้นเอง ภาพที่เห็นคือ ภาพด้านขวาของตัวเครื่องจะเห็นว่า มีช่องเสียบ USB 2.0 จำนวนหนึ่งช่อง และ Slot สำหรับเสียบแบบ DVD แบบ Slot-in อยู่
พลิกกลับมาด้านซ้ายของเครื่อง ไล่ไปตั้งแต่ Port บนสุด ถึง Port ล่างสุดนะครับ
- Kensington Lock : เอาไว้ล็อคเครื่องกับสายล็อคของ Kensington กันเครื่องหาย
- ช่องเสียบ Power ขนาด : 4.7A
- Port HDMI
- ช่องสาย LAN ที่เก๋มาก เพื่อให้เครื่องบางลงก็เลยทำให้ Port LAN มันเหมือนกับ เปิด-ปิด ได้ครับ เป็น LAN แบบ Gigabit ใช้ชิปเซ็ตของ Realtek ครับ
- และหล่อมากแบบสุดๆ คือให้ Port USB 3.0 มาด้วย อีก 2 Port ด้วยกันเลยทีเดียว
ถัดจาก USB 3.0 ก็จะเป็น Display Port คือ ช่องต่อจอภาพของหัวต่อมาตรฐาน D-SUB หรือช่อง VGA ที่เราเรียกกันบ่อยๆ ซึ่งช่องนี้เค้าจะให้ สายต่อต่างหากมาด้วย เพื่อวัตถุประสงค์เดียวเลยนั่นก็คือ ทำให้เครื่องบางเท่าที่จะบางได้นั่นเอง และสุดท้ายก็ปิดด้วย Port Speaker / Mic ขนาด 3.5 มม. ครับ พูดตามตรง หลังๆ Notebook ชอบลดจำนวน Port เพื่อหาทางทำให้เครื่องเล็กลง ก็เลยรวม Speaker กับ Mic เข้ามาในช่องเดียวกัน แต่ผมว่าลำบากมาก เพราะเวลาที่เราอยากจะต่อลำโพง + Mic เพื่อที่จะ Skype มันหาสายต่อยากมาก เลยต้องไปหาซื้อสายมาใหม่เลย หรือถ้าใครมี สายหูฟังพวก Smartphone ก็เอามาเสียบใช้ได้เหมือนกัน
นี่ไงหัวต่อ VGA แบบแยกเส้นออกมา จะได้ทำให้เครื่องบางได้ซะขนาดนี้
ด้านหน้าเครื่องซ้ายมือก็จะเป็นช่อง Card Reader แบบ 4 in 1 ครับ
มาเปิดเครื่องดู เนื้อตัวข้างในกันบ้าง ตัว Keyboard ที่ทาง Samsung ให้มากับ Samsung Chronos ตัวนี้ เป็น Keyboard แบบ Chicklet (ปุ่มไม่ติดกัน) เพื่อเว้นระยะห่างระหว่างปุ่มให้มากขึ้น เราจะได้ลดโอกาสการพิมพ์ผิด เวลาต้องรัว Keyboard เร็วๆ ครับ แถมยังมีไฟ Backlit ส่องใต้เครื่องที่เราสามารถปรับความสว่างของตัวไฟได้ด้วยว่าจะให้ส่องมากน้อยแค่ไหน ใครทำงานมืดๆ อย่าไปเปิดเยอะล่ะ มันยิงไฟสะท้อนใต้คางจะดูเหมือนผีสุดๆไปเลยครับ อิอิ
Touchpad อันโคตรใหญ่ ซึ่งในตัว Touchpad นี้ สามารถกดได้ทั้งคลิกซ้าย คลิกขวา และทำ Multitouch ได้ด้วย จะซูมเข้าออก จะปาดซ้ายขวา ทำได้หมด แต่อาจจะไม่ลื่นแบบเป๊ะๆ อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการด้วย ส่วนตัว ผมชอบ Touchpad ใหญ่ๆนะ แต่ผมอยากได้ปุ่มกด คลิกซ้าย กับ คลิกขวา แยะมาให้ชัดๆมากกว่า เวลาใช้ Touchpad แบบกลมกลืนแบบนี้บางทีกดไป ไม่ทำงาน อ้าวกดผิดนี่หว่า อ้อ จะเห็นได้ว่า เครื่องนี้มันไม่มี ตะขอล็อคจอ เหมือน Notebook ทั่วๆไปนะครับ เค้าล็อคด้วยแม่เหล็กครับ พอปิดฝาจอลงมา ก็ล็อคผั๊วะเลย
ตัวหน้าจอเป็นขนาด 15นิ้ว ที่ความละเอียด 1600 x 900 (แม่เจ้า ละเอียดโคตร อีกหน่อยเดียวก็ไปถึง Full HD แล้ว ) ซึ่งหน้าจอตรงนี้มีข้อดี ที่เข้าขั้นดีมากหลายอย่างเลยนะครับ
- ขอบหน้าจอจะบางเป็นพิเศษเพื่อให้ตัวจอ LED มีขนาดเต็มพื้นที่มากที่สุด (ถึงทำให้เป็นความละเอียด 1600 x 900 ได้ไง)
- หน้าจอเป็นแบบ LED Antiglare สามารถใช้งานกลางแดดได้โดยที่ไม่มีแสงสะท้อนเยอะมาก
- ความสว่างหน้าจอสูงถึง 300 nits (อ้อ หน่วย nits คือหน่วยในการวัดค่าความสว่างของ เทียน 1 เล่ม ต่อ 1 ตารางเมตรครับ) ซึ่งจอ notebook ทั่วไปจะอยู่ที่ 200 – 250 nits ครับ
พอพลิกมาดูใต้เครื่องเพื่ออยากจะดู Battery ซักหน่อยว่ามีกี่ mAh ปรากฏว่า ” อ้าว เป็นเครื่องปิดตาย ที่ไม่สามารถแกะ Battery มาได้นี่นา ” ถ้ายังจำกันได้ พวกอุปกรณ์หลายๆตัวในโลกนี้ เลือกที่จะใช้วิธ๊ไม่ให้ User เปลี่ยนแบทได้ สามารถก็เพราะสามารถที่จะยัดเนื้อ Battery แบบเต็มๆลงไปในเครื่องบางๆได้เพื่อที่จะทำให้มี เนื้อของ Battery ได้มากกว่า และต่อวงจรตรงเข้าหา Battery ได้ ทำให้ใช้งานได้มากกว่า อย่างตัว Samsung Chronos นี่ เค้าก็ทดสอบมาแล้วว่าแบทสามารถทำงานได้ต่อเนื่องถึง 9 ชม. แต่เท่าที่ผมลองๆเล่นดู ตัวสถานะก็ขึ้นโชว์เต็มที่ว่าได้ประมาณ 5.30 – 6 ชม. แหละครับ อ้อ เครื่องนี้จะมาพร้อม License ของ Windows 7 Home Premium แบบ 64 bit ด้วยนะครับ
ด้านล่างมีช่องให้เราแกะได้ 1 ช่องผมเลยแกะออกมาซะเลย พบว่า
มันก็คือช่องใส่แรมครับ Samsung Chronos ตัวนี้ ให้ RAM แบบ DDR3 มา 8GB ด้วยกันโดยที่ 4GB แรกจะ Build ติดมากับเครื่องและ อีก 4GB หลังก็สามารถใส่เพิ่มได้ตรงนี้ ซึ่งถ้าเกิดเราบ้าพลังอยากเพิ่มแรม ก็ไปหาแรม 8GB แบบเดี่ยวๆมาใส่ก็ได้นะครับ
และในแง่ของ Hardware นอกจากที่เห็นแบบถ่ายรูปมาได้ ยังมีความสามารถแจ่มๆอีกเยอะเลยนะครับ เดี๋ยวจะเหลาให้ฟังกันต่อ เพราะมันจะเกี่ยวเนื่องกับระบบ Software ในเครื่องบางส่วนด้วย เพราะช่วงหลังๆวงการ Notebook เริ่มจะหันมาพัฒนาอะไรที่เป็นมากกว่า Hardware นั่นคือระบบ Software ที่ทำงานผสานและช่วยเหลือ การทำงานของผู้ใช้ให้ใช้งานตัว Notebook ไปได้อย่างราบรื่นมากขึ้น ทาง Samsung ก็เลยมีโปรแกรมหลายๆตัวที่ผมเห็นว่าแจ๋วมากๆ ใครที่ใช้ Notebook Samsung แล้วไม่ได้ลง Software พวกนี้ถือว่าพลาดอย่างแรงครับ
Software Manager เป็นโปรแกรมที่คอยตรวจสอบ Driver , Bios , Windows Patch และโปรแกรมอื่นๆที่จะแถมมากับเครื่องว่าเป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดหรือยัง ถ้ามันมีเวอร์ชั่นใหม่ เราก็แค่กด Update All .. ตัว Software Manager ก็จะไปดาวน์โหลดเวอร์ชั่นใหม่มาให้เราโดยอัตโนมัติครับ
ตัวที่สองคือ Easy Setting เป็นโปรแกรมที่จะทำงานร่วมกับ Hotkey บน Keyboard ของเครื่องทำให้เราสามารถ setup ระบบต่างๆของเครื่องได้โดยง่าย อย่างตัวแรกในหมวดของ General ก็มีเรื่องน่าสนใจเยอะแยะแล้วเนี่ย
- USB Charging : สามารถเอาพวกมือถือหรืออะไรก็ตามที่ชาร์จกับ USB เสียบเครื่องแล้วชาร์จโดยที่เราไม่ต้องเปิด Notebook ก็ได้ แค่เสียบสายทิ้่งไว้ก็พอ เดี๋ยวระบบจะถึงไฟไปชาร์จให้เอง แจ่มสุดๆ
- Battery Life Extender : จะปรับให้ Maximum Charge Level อยู่ที่ 80% อยู่เสมอ เพื่อยืดระยะการทำงานของ Battery ให้ยาวนานขึ้น ซึ่งสามารถทำให้ Charge Cycle ยืดไปถึง 1,500 ครั้งได้สบายๆ
- FastStart : เป็นความสามารถสุด Love ของผมเลย เพราะระยะเวลาในการเปิดเครื่องจนถึงเข้า Windows ใช้เวลาแค่ 16 วินาทีเท่านั้น แถมการตื่นจาก Sleep ยังใช้แค่ 2 วินาทีเองครับ Notebook เครื่องหน้าที่ผมจะซื้อ รับรองจะต้องให้มีความสามารถนี้แน่นอน
Express Cache เป็นหน่วยความจำพิเศษอีก 8GB ที่ทาง Samsung ใส่มาให้เพื่อให้โปรแกรมต่างๆในเครื่องทำงานได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นโดยการเรียกตัวเองผ่านระบบ Cache ตรงนี้ โอวชอบมาก
Power Management จะเป็นตัวกราฟคอยวิเคราะห์อัตราการใช้ไฟในเครื่องเรา ซึ่งเราสามารถสร้าง Power Profile ได้หลายๆแบบ เพื่อรองรับการทำงานของเราด้วย
มีตัวบริหาร Network แบบ สายและไร้สาย อันนี้ผมยังไม่ตกใจ เพราะมีเยอะแล้ว แต่เล่นมีตัว Mobile AP หรือความสามารถในการแชร์ Internet ผ่าน Wireless ไร้สายมาด้วย แบบนี้ โปรแกรม Connectify ก็ไม่ต้องใช้แล้วสิเนี่ย
เราสามารถปรับโทนสีและความสว่างของหน้าจอให้เป็นไปตามรูปแบบของงานที่เราใช้ดูก็ได้ เพื่อให้ สีมันถูกต้องกับอารมณ์ของงานมากขึ้น
อ้ออีกเรื่องที่ผมว่าเป็น ความเจ๋ง มากของ Samsung Chronos ตัวนี้นั่นคือ ระบบ SoundAlive ที่ให้เสียง โคตรดัง และ ดี ในระดับนึง เพราะส่วนใหญ่เสียงของ Notebook นี่มันก็ห่วยจนคาดหวังอะไรไม่ได้อยู่แล้ว แต่กับ Samsung Chronos ที่เค้ายัดเอา SoundAlive มาให้ด้วยนี่ ถือว่า แจ่มระดับนึงเลยคร้าบบ แต่ตรงนี้ ก็ขอให้ไปทดลองฟังกันเอาเองที่ Showroom นะคร้าบ ไม่รู้จะทดสอบให้ดูยังไง
โปรแกรมเจ๋งๆอีกตัว ก็คือตัว Samsung Recovery Solution ที่ให้คุณ Backup สถานะปัจจุบันของเครื่อง แล้วมันจะเขียนลง แผ่น DVD ไว้ให้ หรือถ้ามี External HDD ก็จะเก็บไว้ในนั้นก็ได้ เพราะถ้าเป็น DVD คงหลายแผ่นหน่อย ความสามารถนี้จริงๆ ก็ไม่ได้ใหม่อะไร แต่มันขายกันราคาแพงเหมือนกัน เช่นพวก Acronis ไงครับ นี่ได้มาใช้ฟรีๆเลย อิอิ
สุดท้ายก็คือโปรแกรม Support Center ที่ให้คุณสามารถตรวจสอบอาการ Error ของ Notebook ได้ด้วยตัวเอง รวมไปถึงมี Utilities ต่างๆมากมาย ในการกู้ระบบ หรือช่วยทำให้เครื่องอยู่ในสถานะปกติอีกด้วย
สุดท้ายนี้ เหลามาซะนาน ก็มาดู Spec กันแบบละเอียดๆหน่อยละกันนะครับ
- CPU Core i5 2430 ความเร็ว 2.4 GHZ (เห็นว่ามี Spec ให้เลือกถึง Core i7 เลยนะครับ)
- Ram 8GB (4GB Onboard + 4GB Extend)
- HDD 750 7200 rpm SATA3 พร้อม ExpressCache อีก 8GB
- Chipset ของ Intel HM65
- Graphic Card : Ati Radeon 6750m พร้อม Intel HD Graphic 300
- Display 15″
- Resolution 1600 x 900 ความสว่างที่ 300 nits
- Wireless LAN รองรับมาตรฐาน N300 ใช้ชิปเซ็ตของ Broadcom
- LAN 10/100/1000 ใช้ชิปเซ็ตของ Realtek
- Bluetooth 3.0
- Webcam 1.3 megapixel
- ระบบเสียง SoundAlive พร้อมลำโพงขนาด 1.5W จำนวน 2 ตัว
- Keyboard แบบ Chiclets 87 ปุ่มพร้อมไฟ Backlits
- Touchpad ระบบ Multitouch
- Windows 7 Home Premium 64 bit License
สรุปข้อดีของ Samsung Chronos ตัวนี้ซะหน่อย
อันแน่นไปด้วยเทคโนโลยี ทั้งการผลิต การใช้งาน การสนับสนุนให้ผู้ใช้งานทำงานง่าย ด้วย Spec ที่แรงขนาดนี้ ผมว่าเหมาะกับ Professional Workers ที่อยากจะได้คอมพิวเตอร์ที่เร็ว และตอบสนองความอยากทำงานได้อย่างทันที มีลูกเล่นเยอะ ทำให้คุณพลิกแพลงการใช้งานมันได้หลากหลายรูปแบบ เรียกได้ว่า ความสามารถระดับนี้ไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอนครับ ทั้งงาน ทั้งเกม กันเต็มเหนี่ยวกันไป
ส่วนข้อเสีย ผมว่า มันขาดแค่อุปกรณ์ตัวเดียวจริงๆนะ นั่นก็คือ WWAN หรือ โมดูลที่ทำให้เราใส่ Sim ต่อ 3G ได้นั่นเอง เพราะถ้าเกิดพ่วงกับความสามารถ Mobile AP เข้าไป เราก็เหมือนยก Office ย่อยๆไปทำงานกับเพื่อนได้ทุกที เลยล่ะ ส่วนอีกเรื่องน่าจะเป็นการออกแบบที่ได้รับแรงบัลดาลใจจาก อีกยี่ห้อมากไปหน่อย ไม่อยากเอ่ยชื่อ แต่ดูแล้วก็คงรู้สึกได้นะครับ
หวังว่า ใครที่กำลังหา Notebook ตัวแรงที่รองรับ ทั้งงานแบบถึกๆ และเกมแบบโหดๆ อาจจะพิจารณา Notebook ตัวนี้ไว้ใน Checklist ตอนซื้อนะคร้าบ