เมื่อตอนต้นปี ผมไปถอยเอา Macbook Air 11 นิ้ว เพราะอยากจะได้ Notebook เครื่องที่ 2 ที่เอาไว้ใช้งานแบบด่วนๆ โดยที่เน้นหนัก ไปที่ความเบา และคล่องตัว ณ ตอนนั้น ฝาก PC ยังไม่มี Ultrabook ตัวไหนตอบโจทย์ผมเลยแม้แต่น้อย เลยต้องกำตังค์ 35,000 ถอย Macbook Air มาแบบน้ำตานอง (คือใช้ก็ชอบนะ แต่รู้สึกว่าแรมที่ให้มา มันช่างน่าน้อยใจเมื่อเทียบกับราคา) จนกระทั่งเมื่อ Intel เปิดตัว CPU ตระกูล Core i ตัวใหม่ที่ชื่อ Haswell และ Sony ก็ออก Vaio Pro ออกมานี่แหละ ผมแทบกริ๊ดดดด
ผมจั่วหัวเอาไว้ว่า Shut up and Take My Money .. เป็นคำพูดของวงการ Internet ที่เอาไว้ชมอะไรบางอย่างว่า “ไม่ต้องพูดแล้ว เอาเงินกรูไปเล้ยย” ซึ่งคำชมนี้จะเอาไว้ใช้กับของที่มันเทพจริงๆเท่านั้น ซึ่งผมขอบอกค่าตัวเอาไว้ก่อนเลยนะครับว่า Sony VAIO Pro 13 ตัวนี้ค่าตัวตอนเปิดตัวอยู่ที่ 49,900 บาทครับผม
หลายคนที่อ่านรีวิวมาถึงตรงนี้ ท่าทางจะหน้าซีด ตะกี๊ยังรู้สึกฮึกเหิมอยู่เลย ตอนนี้พอรู้ราคาจริงอาจจะสะดุ้งโหยงกันไป แต่ลองอ่านรีวิว แล้ววิเคราะห์ Spec ดูครับ เพราะขนาดค่าคัวมันขนาดนั้น ผมยังกล้าจั่วหัวว่า “Shut up and take my money”
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10 กว่าปีก่อน Sony ถือเป็น Brand ของ Notebook ที่เรียกได้ว่า ฟุ่มเฟือยมากๆ ซึ่งในยุคนั้น ใครใช้ Sony , Fujitsu หรือ Toshiba ก็ต้องยอมซูฮกให้ว่ารวยจริง เพราะค่าตัวตอนนั้น เหยียบ 70,000 – 100,000 บาท แทบทุกรุ่น ต่อมาอุปกรณ์ IT ราคาถูกลงอย่างมาก เพราะความต้องการของตลาดสูงและมีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการผลิตให้มันถูกขึ้นได้ บรรดารุ่นใหญ่ทั้งหลาย ก็ปรับราคากันยกใหญ่ ให้จับต้องกันได้มากขึ้น อย่างตอนนี้ เราก็อาจจะได้เห็น Sony Notebook ราคา 20,000 กว่าบาทกันเยอะเลยล่ะครับ
ซึ่งเจ้า Sony VAIO Pro 13 ตัวนี้ เป็น Series ที่ถัดจาก VAIO S และ T ที่ออกแบบมาเพื่องานด้านธุรกิจครับ หน้าตาจะเรียบหรู เน้นวัสดุ ที่หิ้วแล้วทำให้หน้าตาคุณดูดีเพิ่มขึ้น 30% เลยทีเดียว ใน Series Pro นั้นจะมีหน้าจอ 2 ขนาดด้วยกันก็คือ Pro 11 ในขนาดหน้าจอ 11 นิ้วกับ Pro 13 ที่ขนาดหน้าจอ 13 นิ้วครับ
วัสดุที่ใช้ทำตัวบอดี้ของ Sony VAIO Pro 13 ก็คือ Carbon Fiber ครับ วัสดุที่ทนทานแต่เบาแบบสุดๆ (ถ้านึกไม่ออกล่ะก็ ของใกล้ตัวที่ทำจาก Carbon Fiber แล้วทนสุดๆ ก็คือ เฟรมรถแข่งจักรยานของพวกมืออาชีพอ่ะครับ ) รถทั้งคันหนักแค่ 5 กิโล แต่ทนทานขนาดขี่เอาไปแข่งได้
อันนี้เป็นรถแข่งจักรยานยี่ห้อ Black Braid ครับ เด็กตัวแค่นี้ยังยกได้อ่ะ
กลับมาที่ Notebook ก่อน … Sony VAIO Pro 13 มี 2 สีด้วยกันคือ สีดำกับสีเงินครับ เท่าที่ฟังจาก Blogger หลายๆท่านก็บอกว่า สีดำสวยกว่า ซึ่งผมก็เห็นด้วยว่าจริง น้ำหนักของ VAIO Pro 13 ก็คือ 1.06 กิโลกรัมคร้บ ซึ่งถือว่าเป็น Notebook ขนาด 13 นิ้วที่เบาที่สุดในโลกตอนนี้
ตรงแท่นวางข้อมือ ก็จะเป็น Carbon Fiber ด้วยเช่นกันเพื่อความทนทาน และมีการสกัดลาย VAIO ไว้บางๆด้วยครับ
Keyboard ของ VAIO Pro 13 เป็นแบบ Backlit Chiclet Keyboard ทำงานอัตโนมัติตามสภาพแสงในห้องครับ ถ้าห้องมืด ไฟก็จะสว่างขึ้นมาเอง โดยที่ไปเลือก เปิด-ปิด แบบอัตโนมัติใน Vaio Control Center ก็ได้ครับ
ผมเป็นคนมือใหญ่มากครับ แต่ว่าตัว Keyboard จะเว้นระยะห่างระหว่างนิ้วค่อนข้างใหญ่กว่า Chiclet Keyboard ทั่วไป ทำให้การพิมพ์ต่อเนื่องทำได้อย่างถูกต้องมากขึ้น แต่ว่าสำหรับคนที่มือหนัก คุณอาจจะเจออาการ Flex หรือ เวลาที่กดปุ้ม Keyboard ลงไปแรงๆ แล้วเครื่องมันยุบตัวตามไปด้วย อันนี้แล้วแต่คนจริงๆครับ ว่ามือหนัก มือเบาแค่ไหน
Touchpad เป็นแบบ Multitouch แต่ว่าบอกตามตรงว่า ถ้าจะมีติดใจจุดเดียวในเครื่องนี้ก็คือ Touchpad ยังทำงานได้ไม่ถูกใจผมเท่าไหร่ครับ
เวลาลากด้วย 2 นิ้วเพื่อทำ Windows Scroll .. ก็จะมีอาการติดบ้างไม่ติดบ้าง อันนี้ถือว่าเป็นปัญหาของทางฝั่ง Windows เลยก็ว่าได้ ไม่เหมือนของ Mac OS ที่ Touchpad ถือเป็นจุดเด่นอย่างมาก อ้อ แต่อย่างน้อยยังมีข้อดีที่เจ๋งมากสำหรับ Touchpad ตัวนี้ครับ นั่นก็คือ มันมี NFC ในตัวครับ ถ้าคุณอยากจะส่งภาพ หรือไฟล์ใดๆ ก็สามารถใช้มือถือที่มี NFC มาแตะที่ Touchpad เพื่อรับ-ส่งข้อมูลได้เลยครับ
Port ในการเชื่อมต่อจะอยู่ด้านขวาของเครื่องเป็นหลักครับ ไล่จากซ้ายไปขวานะครับ
- SD Card Reader
- ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม
- Port USB 3.0 x 2
- HDMI แบบ Full Size
สำหรับด้านซ้ายของเครื่อง ไม่มี Port อะไรเลยนอกจากช่องเสียบ Power Adapter แล้วก็ รูระบายความร้อนครับ ซึ่งดีมากที่เอาไว้ด้านซ้าย เพราะผมเคยไปใช้ Notebook บางรุ่นแล้วดันเอารูระบายความร้อนไว้ด้านขวา เวลาเอามือไปเลื่อน Mouse ทีนึงให้อารมณ์เหมือนเอามือไปจ่อท่อไอเสียเลยครับ ร้อนพอๆกันเลย
ด้านหลังเครื่องจะเป็น อลูมิเนียมสีเงิน ที่จะมียางสำหรับรอง Notebook อยู่บริเวณนี้ด้วย เอ๊ะ สงสัย มีไว้ทำไมตรงนี้
สาเหตุก็เพราะว่า เพราะเจ้าเครื่อง VAIO Pro 13 มันบางมาก เวลาเปิดฝามาเพื่อพิมพ์ องศาในการพิมพ์มันก็จะไม่ได้ครับ เค้าก็เลยใช้ฐานจอในการยกระดับตัว Keyboard ให้เอียงขึ้นเล็กน้อย
และเรื่องที่น่าตกใจมากก็ขึ้น เจ้า VAIO Pro 13 ตัวนี้มันเสียงดังมากครับ ซึ่งลำโพงเค้ายัดเอาไว้ที่ฐานแล้วเวลาเปิดเครื่อง เสียงจะลำโพงจะสะท้อนกับตัวจอ พุ่งเข้าคนฟัง สุดยอดเลยวุ้ย
หน้าจอของ VAIO Pro 13 เป็นหน้าจอแบบ Triluminos ความละเอียด Full HD 1,920 x 1,080 แถมยังเป็นหน้าจอแบบ Multitouch 10 จุดอีกด้วย
ซึ่งเจ้าหน้าจอ Triluminos + X-Reality Engine นี่แหละครับ คือ Killer Feature อันแรกของ Sony VAIO Pro 13
อยากจะอธิบายเรื่องหน้าจอ Triluminos มากเลย แต่การที่จะเล่าได้หมดนั้นผมขอให้ไปดูคลิป Youtube ตัวนี้ดีกว่า เพราะว่าคุณจะต้องได้รับการปูพื้นทฤษฏีด้านแสงมาก่อนครับ เอาเป็นว่าหน้าจอ Triluminos คือหน้าจอที่จะสามารถทำให้ขอบเขตการแสดงผลของสี แดง เขียว ฟ้า มันเพิ่มมากขึ้น เชดสีที่อิ่มขึ้นนั่นเองแหละครับ และเจ้าหน้าจอ Triluminos นี่แหละ เป็นเทคโนโลยีล่าสุดที่ Sony ยัดเข้าไปใน Sony Bravia กับ Sony Xperia ด้วยครับ
ดูนอกเครื่องมาเยอะแล้วก็มาดูข้างในบ้างนะครับ สำหรับตัว CPU จะเป็น Intel (Haswell) Core i7 4500U ความเร็ว 1.8Ghz ที่สามารถทำ Turbo Boost สูงถึง 3Ghz ครับ จุดเด่นของตัว Haswell ก็คือ เร็วกว่ารุ่นที่แล้วประมาณ 5 – 10% แต่ประหยัด Battery มากขึ้นนั่นเองครับ
มาพร้อมกับแรม 4GB ซึ่งผมว่าน้อยไปหน่อยสำหรับราคานี้ น่าจะยัดมาให้ซัก 8GB ก็ยังดี แถมยังเพิ่มแรมไม่ได้อีก T_T แหม ไม่น่าเล้ย
สำหรับคะแนนของ Windows Experience Index จะอยู่ที่ 5.9 คะแนนครับ โดยที่จุดที่ทำคะแนนเร็วที่สุดก็คือ SSD แบบ PCIe ที่เร็วระดับเฟอรารี่เลยล่ะครับ
ความเร็วของตัว SSD ที่ให้มา แรงทะลุจักรวาลมากๆครับ เพราะเป็น SSD ที่ต่อกับ PCIe โดยตรงทำให้สามารถเร่งความเร็วในการอ่านได้ถึง 1,024MB ต่อวินาทีครับ ส่วนความเร็วในการเขียนอยู่ที่ 472.54 MB ต่อ วินาทีเลยทีเดียว
ตรงนี้หลายคนอาจจะงง ผมแนะนำว่าให้ไปลองอ่าน บทความ รีวิว SSD รุ่น Vertex4 ประกอบด้วยจะได้เข้าใจว่ามันเทพยังไงนะครับ
เอาเป็นว่า Harddisk แบบดีๆ ความเร็วในการอ่าน แค่ 80-120MB ต่อวินาทีเท่านั้น
SSD แบบ กลางๆ ก็ทำความเร็ว เขียน/อ่าน ได้ประมาณ 100 – 300 MB ต่อวินาที
SSD แบบเทพๆก็ประมาณ 400 – 600 MB ต่อวินาที
แต่นี่พี่ล่อความเร็วในการอ่านไปเกือบ 1,024MB ต่อวินาที มันจะแรงไปไหนคร้าบ และนี่แหละครับคือ Killer Feature อันที่ 2 ของเจ้า VAIO Pro 13 ตรงที่ SSD ให้มาเยอะถึง 256GB แถมยังเร็วระดับจรวดเรียกพี่อีกด้วยครับ
เอาล่ะครับ เครื่องก็โคตรเบาขนาดนี้ แต่มาดูอุปกรณ์คู่บุญของ Notebook ทุกตัว แต่ไม่ค่อยมีใครนึกถึงมันกันหน่อย นั่นก็คือ Power Adapter ครับ
คือถ้าเกิดสมมติ เครื่องโคตรเบา แต่ Power Adapter ดันหนัก แล้วมันจะทำเครื่องบางๆมาทำม้าย สุดท้ายก็ต้องเหนื่อยแบก Power Adapter อยู่ดี แต่สำหรับ Sony VAIO Pro 13 มันจะมาพร้อมกับ Power Adapter รหัส VGP-AC10V10 ซึ่งมีความเบาเพียงแค่ 180 กรัมเท่านั้นครับ ส่วนขนาดก็เทียบกับตัวมือถือ Sony Xperia U ก็ได้ครับ
พลิกมาอีกข้างนึงจะเห็น Port USB ครับ ใช่แล้วครับ คุณมีอุปกรณ์อะไรที่อยากจะชาร์จผ่าน USB เสียบเข้าเจ้านี่โดยตรงได้เลยครับ เพื่อการชาร์จแบบรวดเร็ว และที่สำคัญมันยังมีของดีมากกว่านี้ครับ
ถ้าใครทำงานด้าน Network … คุณอาจจะรู้สึกว่า เฮ้ย เจ้า Vaio Pro 13 ตัวนี้มันไม่มี LAN Port มาให้นี่ฟร่า แล้วถ้าเกิดไปในที่ๆมันมีแต่สาย LAN แล้วฉันจะทำยังไงล่ะเนี่ย ซึ่งทาง Sony เค้าแก้ปัญหาได้เด็ดมากครับ เค้าเลยให้ WIreless Route ขนาดเท่า นิ้วโป้ง แบบเสียบไฟกับเจ้า Power Adapter มาให้ซะเลย
สมมติไปโรงแรมที่ไม่มี WIFI ให้บริการ แต่มีสาย LAN ทิ้งไว้ให้ คุณก็เสียบสาย LAN เข้ากับตัว Wireless Router ตัวนี้ แล้วก็จับมันเสียบเข้ากับตัว Power Adapter เท่านี้คุณก็จะมี Wireless Router ไว้แชร์ Internet ให้ทั้ง Notebook คุณและอุปกรณ์มือถือ , Tablet ที่คุณติดตัวไปด้วยแล้วล่ะครับ
พอประกอบเสร็จจะมีหน้าตาแบบนี้ ซึ่ง Wireless Router ที่เค้าให้มาก็ไม่กระจอกนะครับ เป็น Wireless N ความเร็ว 150Mbps แถมยังมีปุ่ม WPS มาให้ด้วยและเจ้านี่แหละครับก็คือ Killer Feature อย่างที่ 3 สำหรับ Sony VAIO Pro 13
สรุปความรู้สึกคร่าวๆสำหรับ Sony VAIO Pro 13
- CPU Intel Haswell Core i7 ทำงานได้รวดเร็วดีไม่มีปัญหา
- หน้าจอ Triluminos โคตรสวย มั่นใจเลยว่า ไม่มี Notebook ตัวไหน แสดงภาพให้สวยเท่านี้แน่ครับ
- Notebook จอ 13 นิ้วที่ความละเอียด Full HD พื้นที่ในการทำงานเหลือเฟือ แต่บางทีเปิดเว็บตัวหนังสือจะเล็กไปนิด ใครสายตาไม่ดีอาจจะไม่แนะนำครับ
- เบามาก ซึ่ง Notebook ขนาด 13 นิ้วที่หนักแค่ 1 กิโลกรัม ยังไม่มีนะครับ ขนาด Macbook AIR 11 นิ้ว ยังหนัก 1 กิโลกรัมเลย
- Keyboard ออกแบบมาได้ดี พิมพ์ต่อเนื่องได้นานไม่เมื่อย และ ลดการพิมพ์ผิดลงเยอะมากๆ
- SSD แบบ PCIe จะทำให้คุณลืม Harddisk แบบเก่าไปเลย เผลอๆ คุณจะกลายเป็นคนที่ไม่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ที่มี Harddisk ทำงานได้อีกต่อไปแล้ว (แบบผม)
- Wireless Router ใช้งานง่ายมาก แค่เสียบๆก็ใช้ได้แล้ว ด้านหลังอุปกรณ์มีบอกรายละเอียด SSID กับ Network Key พร้อมใช้ได้ทันที
- มี License Windows 8 มาด้วยในตัว ซึ่งดีมากครับ ประหยัดเงินค่าซื้อลิขสิทธิ์ Windows ไปอีกน่าจะประมาณ 3,000 บาทเลย
- ลำโพงเสียงดังจนน่าตกใจ ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่ได้ยินเสียง
ข้อสังเกตเล็กน้อย
- เนื่องจากเครื่องบางมากๆ เลยทำให้เวลาพิมพ์เครื่องอาจจะมีการยุบตามแรงกดของนิ้วเราก็ได้ ถ้าเราเป็นคนมือหนัก (Flex Keyboard)
- Battery ให้มา 4 Cell อยู่ได้ 9 ชม แต่หลายๆสำนักรีวิว ออกมาบอกว่า อยู่ได้ไม่ถึงหรอก
- แรมให้มาแค่ 4GB แถมเพื่มไม่ได้
ผมมองว่าคนที่เหมาะกับ VAIO Pro13 ก็คือนักธุรกิจที่ต้องการเครื่องสเป็คสูงมาก ที่อยากได้เครื่องเบาๆเพื่อมาช่วยทำงานด้านเอกสารนอกเหนือจากการทำงานใน Office เพราะมันมีปัจจัยครบถ้วนทุกอย่างในการทำงานแบบไม่อยู่กับที่เลยครับ (แถมมากระทั่ง Wireless Router เลยอ่ะ)
52 comments